Perfume Blog: แกะกล่องชุดน้ำหอม Maison Christian Dior + Dior Blog

ครั้งนี้จะมาแกะกล่องชุดน้ำหอมจาก Maison Christian Dior ชุดนี้ได้มาเป็นของขวัญมาสักพักแล้ว เป็นชุดน้ำหอมขนาดทดลอง ขนาด 7.5ml พร้อมสบู่ก้อน เคยเห็นชุดน้ำหอมนี้มาก่อนจากใน Youtube ของต่างประเทศเป็นของขวัญสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากบูติคน้ำหอม หรือเป็นของขวัญในช่วงเวลาพิเศษก็แล้วแต่ ส่วนตัวบล็อกได้มาเป็นของขวัญเหมือนกัน แปลกใจและก็ดีใจที่ได้รับมาไม่คิดว่าจะมีชุดน้ำหอมแบบนี้ด้วย วันนี้เลยมาแกะกล่องให้ดูกันว่าในชุดมีอะไรบ้าง

.

ในชุดด้านบนจะมีสบู่ก้อน 2 กลิ่น จำนวน 4 ก้อน มีกลิ่น ROSE ISPAHAN กับ NEROLI IMPERIAL อย่างละ 2 ก้อน กลิ่นหอมฟุ้งกระจายมาก แต่ก็รู้สึกว่ากลิ่นไม่ต่างกัน เพราะมันเป็นกลิ่นของสบู่ด้วยแล้ว กลิ่นมันก็จะออกไปทางนวลๆ หืนๆ ตามสไตล์สบู่หอมนั่นแหละจับกลิ่นน้ำหอมหลักไม่ได้เท่าไหร่ สรุปก็หอมอยู่ ในกล่องจะเป็นก้อนสบู่สี่เหลี่ยมสีเหลืองหุ้มพลาสติกแน่นหนาทั้ง 2 กลิ่น

.

น้ำหอมขวดเล็กที่มาในชุดนั้นเป็นขนาด 7.5ml ขนาดมาตรฐานที่ได้แถมจากการซื้อสินค้าในบูติค หรือเคาน์เตอร์นั่นแหละ มี 8 กลิ่น Jasmin Des Anges, Sakura, Rose Gipsy, Souffle De Soie, Luck, Balade Sauvage, The Cachemire, Diorissima เป็นกลิ่นที่นิยมกันซะส่วนใหญ่ และก็ยังไม่เคยลองกลิ่นแต่ละกลิ่นด้วย จะได้ถือโอกาสเอามาลองกลิ่นแล้วเล่าลงบล็อกให้อ่านกันอีกทีนึงแน่นอน

.

ไหนๆ ก็เล่าเรื่อง Dior แล้ว เลยอยากจะเล่าเรื่องที่ Dior ชอบมีของเล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกค้าสมาชิกอยู่ตลอดเวลา เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใส่ใจสมาชิกดีมาก อย่างสองสามเดือนก่อนก็มี SMS แจ้งให้ไปรับ ซองพลาสติกเก็บหน้ากากอนามัย ก่อนหน้านั้นก็เคยให้ไปรับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือมาครั้งนึงแล้ว และก็ชอบส่ง SMS แจ้งการบริการมาให้รับรู้ข่าวสารตลอดเวลา ทาง e-mail ก็ส่งข่าวสารมาตลอด ยังไปถึงทางไปรษณีย์ที่คอยส่งการ์ดเชิญ การ์ดแนะนำสินค้าใหม่ๆ รวมไปถึงหนังสือคอเล็คชั่นมาให้อีกเอาใจใส่ดีเกิ๊น

ซองใส่หน้ากากอนามัยที่เข้าไปรับมา เป็นการ์ดพลาสติกเหมือนแฟ้มข้างในมี 2 ช่อง พร้อมหน้ากากอนามัย 1 ชิ้น ดูธรรมดาแต่น่ารักดี

.

การ์ดแนะนำน้ำหอมกลิ่นไม EDEN-ROC ที่เชิญเข้าไปรับผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองที่เคาน์เตอร์ Maison Christian Dior ที่ Icon Siam ถึงจะอยู่ช่วงโควิดก็เถอะไม่ได้ไปหรอกแต่ก็ดีที่ส่งมาให้สมาชิก กับหนังสือ Dior Magazine รายกี่เดือนไม่รู้ที่ครั้งนี้ส่งมาให้เป็นครั้งแรก ด้านในเป็นภาพคอเล็คชั่นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางค์ น้ำหอมต่างๆ ที่ออกมาใช่ช่วงนี้ พิมพ์สีทั้งเล่ม กระดาษเนื้อดีอีกต่างหากเอาไว้ดูเพลินๆ ได้เอาไว้ประกอบถ่ายภาพเล่นๆ ด้วยสนุกดี

.

อย่างที่เคยส่งน้ำหอมกลับไปเปลี่ยนเพราะหัวสเปรย์มีปัญหารั่วนั้น ทาง Dior ก็เปลี่ยนขวดส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว แพ็คมาในกล่องของขวัญเหมือนซื้อใหม่งั้นแหละ เอาใจใสดีชอบมาก ทำให้ไม่ผิดหวังที่เผลอไปเป็นลูกค้า

Perfume Blog: Christian Dior Forever and Ever Dior EDT

.

Christian Dior Forever and Ever Dior อยู่ในชุดน้ำหอม Les Creations de Monsieur Dior ที่เป็นการรวมกลิ่นที่มีชื่อเสียงในอดีตมารวมกันไว้ในคอลเลคชั่นนี้ เปิดตัวในปี 2009 จากน้ำหอมกลิ่นเดิมคือ Forever and Ever ที่เปิดตัวในปี 2002 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ที่มีโน๊ตกลิ่นของ Freesia Jasmine และ Bulgarian Rose รวมกันแล้วทำให้เป็นน้ำหอมที่มีความนุ่มนวล และบอบบาง

กลิ่นเปิดมันคมมากเหมือนกลิ่นผลไม้อะไรสักอย่างเปรี้ยวๆ แสบจมูก ถ้าดูตามโน๊ตกลิ่นแล้วน่าจะเป็นกลิ่นดอก Freesia พอกลิ่นคมๆ นั้นเริ่มจางความหวานแบบกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆ แบบดอกมะลิบานยามเช้ากลิ่นผ่านน้ำค้างที่เกาะบนกลีบมันให้ความหวานใสที่เริ่มลอยชัดขึ้นมา โดยที่ยังคงมีความอมเปรี้ยวนิดๆ ของกลิ่นช่วงเปิดอยู่ จากนั้นกลิ่นเริ่มมีความนวล แบบกลิ่นครีมมี่ที่ออกไปทางกลิ่นอุ่นๆ ต่างจากกลิ่นช่วงเปิดที่ไปทางกลิ่นเย็นสดชื่น จนเมื่อผ่านไปสักพักจะเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นกุหลาบที่หวานบอบบาง เป็นกุหลาบแบบเจ้าหญิงๆ หวานครีมนวลที่กลม ไม่เปรี้ยว ไม่คม กลิ่นเบาบาง นุ่มละมุน โดยที่กลิ่นนี้จะอยู่ไปจนจบกลิ่น

กลิ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่อ่อนจริงๆ บางมาก ถึงจะหอมนุ่มให้อารมณ์น่ารัก สดใส ความรู้สึกสะอาด ที่กลิ่นสดชื่นเหมือนแชมพูสระผม แต่ด้วยความที่กลิ่นมันบางจนแทบไม่ฟุ้งกระจายเลย ทำให้แทบจะไม่ได้กลิ่นถ้าไม่ได้ฉีดใกล้จมูกจริงๆ ดังนั้นความทนไม่ต้องพูดถึง ไม่ถึงชั่วโมงก็ลืมแล้วว่าฉีดน้ำหอมมาหรือว่าส่วนตัวชินกับน้ำหอมกลิ่นแรงๆ ก็ไม่รู้นะ

เป็นกลิ่นที่หอมเลย เรียกว่ากลิ่นดอกไม้จริงก็ไม่ผิด ด้วยความที่กลิ่นหอมเบา โปร่ง แบบกลิ่นดอกไม้จริงทำให้มันรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายเวลาได้กลิ่นเลยทีเดียว เพียงแค่ถ้ากลิ่นมันแรงขึ้นกว่านี้หน่อยก็คงดี แต่ก็คงผิดแนวทางของกลิ่นที่ตั้งไว้ ใครชอบแนวกลิ่นดอกไม้บางเบา เหมือนกลิ่นหอมดอกไม้ลอยมาตามสายลม แนวเจ้าหญิง กลิ่นละมุนน่ารัก ต้องชอบกลิ่นนี้แน่ เพียงแต่ต้องไปหาวิธีให้ติดทนตนตามแบบของตนเอง

Christian Dior Forever and Ever Dior EDT 50ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior SAUVAGE Parfum + SAUVAGE EDT 20ml

.

Christian Dior Sauvage Parfum เปิดตัวมาปี 2019 เป็นอีกความข้นข้นขั้นสุดของ Sauvage คือแบบความเข้ม Parfum เป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่น อบอุ่นแบบกลิ่นอายตะวันออก และความสวยงามของชีวิตกลางแจ้งในป่าใหญ่บนผิว โดยมีแรงบันดาลใจจากความงานของท้องฟ้ากลางป่ายามค่ำคืน  และกลิ่นอายของกองไฟที่ประทุในอากาศ มอบความหอมอันดุดัน ทิ้งไว้ด้วยกลิ่นอายของพื้นป่าใหญ่อันน่าหลงใหล มีโนีตหลักของ Mandarin และ Bergamot จาก Reggio Di Calabria, Virginian Cedar และ Sandalwood จาก Sri Lanka, Vanilla จาก Papua New Guinea

แค่กลิ่นเปิดรู้สึกถึงความเข้มแบบกลิ่นไม้หอมแน่นๆ หอมแห้งๆ ฝุ่นๆ แนวกลิ่นไม้ Sandalwood ที่ยังคงมีกลิ่นสดชื่นคมๆ ของ Bergarmot ความหอมแบบส้มปอกเปลือกหวานอมเปรี้ยว ของ Mandarin Orange ร่วมเปิดกลิ่น โดยลอยเป็นพื้นหลังคลอไปกับกลิ่นไม้หอม หลักๆ รู้สึกได้ประมาณนี้ โดยกลิ่นไม้หอมแซมกลิ่นส้มนั้นสามารถรู้สึกยาวนานได้ตลอดช่วงอายุของกลิ่นเลย ซึ่งดีมากๆ หอมสดชื่น พร้อมกับความนุ่มของไม้หอม ที่ออกไปทางซ่า เย็น ซึ่งเพิ่มความสุขุม สุภาพเป็นทางการมากขึ้นให้กลิ่น หรือว่าง่ายๆ ก็กลิ่นดูเป็นผู้ใหญ่ขรึมมากขึ้นกว่าเก่า

ตระกูล Sauvage นั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการกระจายตัว และความติดทนนานของกลิ่น กระจายตัวดีตลอดช่วงเวลาที่ใช้งาน และติดทนยาวนานมากๆ จนหมดวัน ยิ่งฉีดบนเสื้อด้วยแล้วเช้าถึงเย็น กลิ่นยังอยู่ไม่ต้องเติม มันจะเป็นกลิ่นตัวเราหอมๆ กำลังดีเลย แต่ถ้าอยากได้ความแรงขึ้น สดชื่นขึ้น ก็พกมาเติมระหว่างวัน และกลิ่นนี้ใช้ในช่วงอากาศร้อนได้ดีมากถึงจะมีกลิ่นไม้หอมนำแต่มันก็เข้ากันดีกับความร้อน

กลิ่นแบบนี้ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอื่นๆ แน่นอนต้องเป็น Sauvage รุ่นก่อนหน้า และอีกกลิ่นที่คิดว่ามันมีความคล้ายกันมากก็คือ CHANEL BLEU de CHANEL EDP และ Parfum จนแทบจะนึกไปว่าเป็นกลิ่นของ CHANEL ถ้าไม่มีกลิ่นส้มมาให้รู้สึก คงด้วยเพราะกลิ่น Sandalwood ที่แรงเป็นเอกลักษณ์ของ CHANEL แต่ Sauvage ก็เพิ่มความสดชื่นที่ติดหวาน ครีมนิดๆ แทรกในกลิ่นทำให้มันแตกต่างขึ้นมานิดนึง ส่วนตัวช่วงแรกๆ ก็ไม่ค่อยอะไรเพรราะคิดว่ามันเหมือนกันเกินไป แต่พอลองใช้ไปไปสักพักยาวๆ แล้วเริ่มเห็นความต่าง และก็เป็นอีกกลิ่นของ Sauvage ที่ใช้บ่อย ใช้ในวันที่ต้องประชุม วันที่เป็นทางการหน่อยให้อารมณ์ขรึม เท่ห์ดี

Christian Dior SAUVAGE Parfum 60ml

.

Christian Dior SAUVAGE EDT 20ml

.

แถมด้วย Sauvage EDT ขนาดใหม่ 30ml ขวดรุ่นใหม่ที่หมุนคอขวดเปิดเอาหัวสเปรย์ออกมาเพื่อเติมน้ำหอมใหม่ได้ ราคาก็โอเค และขวดก็เล็กน่ารักน่าพกไปทุกที่ด้วย ได้โอกาสเอามาไว้พกพาตอนไปเอา Sauvage Parfum ขวดใหญ่มาพอดี แต่ยังมีแค่แบบ EDT เท่านั้นที่มีขวดเล็ก และแบบเติมน้ำหอมรีฟิวได้แบบนี้ ถ้ามีแบบ EDP มาก็จะรีบไปเอามาเลย ชอบกลิ่น EDP ของ Sauvage มาก หอมส้มหวานฉ่ำ เย็นแบบไม้หอมนุ่มๆ เข้ากันดีมาก

.

เที่ยบขนาดขวด SAUVAGE ขนาด 100ml 60ml 30ml ที่มีขายอยู่ ขนาดความสูงของขวดเล็กนั้นเท่ากับขนาด 60ml พอดี แต่ขนาดขวดเล็กเรียวเหมาะแก่การพกพามาก อีกอย่างคือ ฝาขนาด 30ml เป็นฝาแม่เหล็กเหมือนเดิม รูสึกว่ามันใหญ่กว่าขนาดอื่นด้วยนะ เอาไปใส่ขนาดอื่นได้แต่ไม่จะแน่น แต่จะเอาฝาขนาดอื่นมาใส่ขวดขนาด 30ml ไม่ได้ มันปิดไม่ลง คงเป็นเพราะระบบคอขวดใหม่ที่ทำให้หมุนเปิดมาเติมรีฟิวได้นั่นแหละ

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Pure Poison EDT

.

Christian Dior Pure Poison เปิดตัวครั้งแรกปี 2004 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ที่มีโน๊ตกลิ่นของ Orange Blossom, Jasmine, Gardenia, Amber และ Sandalwood ที่มอบความนุ่มละมุน ละเอียดอ่อน เป็นที่ดึงดูดใจ Pure Poison เป็นน้ำหอมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ ผ่านมุมมองของผู้หญิงที่มีความมั่นใจ และกล้าแสดงออกมันออกมา คำบรรยายของกลิ่นในเว็บไซต์บรรยายไว้ดีมากแต่แปลมาก็พอได้ใจความประมาณนี้ ขวดที่ได้ลองเป็นรุ่นปัจจุบันที่เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนสีขวดแล้ว และได้มีการปรับสูตรมาแล้วเช่นกัน โดยกลิ่นนี้เป็นกลิ่นหนึ่งที่มีชื่อเสียงจากตระกูล Poison และกลิ่นในสูตรเดิมนั้นก็เป็นที่พูดถึงมากด้วย หากมีโอกาสจะหามาลองเหมือนกัน อยากรู้ว่ากลิ่นจะต่างกันแค่ไหนแต่มาลองกลิ่นสูตรใหม่กันดีกว่า

กลิ่นเปิดรู้สึกได้ถึงกลิ่นแนวซีตรัสที่คม เย็น สดชื่น ถ้าตามโน๊ตก็คงเป็นกลิ่น Bergamot ที่มีกลิ่นส้มแบบสเปรย์กลิ่นส้มติดขมนิดๆ ไม่มากเป็นกลิ่นเปิดที่สดชื่นเป็นทางการดี สักพักจะเริ่มมีความหวานนุ่มละมุนแบบกลิ่นดอกไม้สีขาวที่ดูบอบบาง แต่หรูหรา เป็นกลิ่นที่เย็น แต่ก็มีความอบอุ่น โดยกลิ่นดอกไม้ที่รู้สึกได้จะเป็นกลิ่นแนวดอกมะลิที่คุ้นเคยสไตล์น้ำหอม Dior ความเนียนนุ่มแบบกลิ่นดอก Gardenia ที่รู้สึกได้ชัด พื้นหลังของกลิ่นมีความติดเขียวคมกลิ่นบางๆ ออกแนวสดชื่น ช่วงกลางของกลิ่นไปแล้วจะเป็นกลิ่นที่หอมนวลแปลกๆ จะว่าเป็นไม้หอมกับ Amber ตรงๆ ก็ไม่เชิงมันให้ความรู้สึกถึงกลิ่นดอกไม้บานกลางคืนที่หวานบางๆ เขียวนวลที่ให้กลิ่นดูสะอาด เรียบหรูน่าสนใจ แต่ก็น่าสงสัยน่าเข้าไปใกล้ชิด

กลิ่นฟุ้งกระจายดีโอเคเลย ไม่ถึงกับรุนแรงเหมือนกลิ่นต้นตระกูล แต่ก็มีพิษที่ร้ายไม่แพ้กันจากความหอมแบบนุ่มละมุน เนียนจนน่าอันตราย ความทนก็ทำได้ดีจากที่ลองใช้ก็อยู่ได้เกิน 5 ชั่วโมง โดยที่ช่วงท้ายที่เป็นกลิ่นติดผิวยังคงโชยให้ได้กลิ่นค่อนข้างชัด ให้อารมณ์กลิ่นตัวหอมหวานนุ่มๆ ดูดีมาก แต่ถ้าเป็นกลิ่นบนเสื้อผ้าก็ออกไปทางกลิ่นหอมเย็นนวลๆ ติดเขียวคมๆ ยาวนานหน่อยโดยที่ยังให้ความรู้สึกสะอาด เรียบง่าย แต่ดูมีอะไรๆ

เป็นน้ำหอมแนวกลิ่นผู้หญิงชัดเจนเลย หอมบอบบาง นุ่มละมุนให้ความหรูหราดีมากๆ เป็นกลิ่นที่ดูสุภาพ เป็นทางการเลยละ เรียกว่าแค่ได้กลิ่นก็ทำให้รีบหันไปมองเลยทีเดียว ด้วยความหอมนุ่ม เนียนแบบนี้ ดูดีแบบไม่ต้องแต่งอะไรมากเหมาะกับชื่อ Pure Poison เลยละ

Christian Dior Pure Poison EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Dior Addict Eau Fraîche EDT

.

Dior Addict Eau Fraîche เปิดตัวในปี 2014 เป็นนน้ำหอมแนวกลิ่นดอกไม้ ที่ให้โน๊ตกลิ่นหวานอมเปรี้ยวของ Grapefruit และ Calabrian Bergamot พร้อมความสดใสของ Freesia และ Lily of the Valley ด้วยความนุ่มที่มอบความพึงพอใจอันเป็นเอกลักษณ์ ทรงพลัง และตราตรึงอย่าง White Musks ทำให้มันเป็นกลิ่นที่เหมาะเจาะกับหญิงสาวที่มีความมั่นใจโดยไม่ต้องทำอะไรมาก

กลิ่นเปิดมาหอมเย็นใส อมเปรี้ยว ซ่าคล้ายกลิ่นแบบมะกรูดช่วงแรกนั้นกลิ่นหอมสดชื่นดีเหมือนแชมพูตอนที่สระในช่วงอากาศร้อน สักพักจะเริ่มได้กลิ่นดอกไม้ที่หวานแบบติดเปรี้ยว เหมือนกลิ่นแนวดอกลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ ที่มีความหวานแปร่งๆ เปรี้ยวแบบกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดกระจก หรือบางคนอาจจะว่ากลิ่นมันเหมือนผลไม้พวกเบอร์รี่ที่กำลังจะเน่าประมาณนั้น ที่มันให้ความหอมแบบแปลกๆ กลิ่นช่วงกลางไปแล้วกลิ่นจะมีความนุ่มหอมมันแบบมักส์อุ่นๆ ทีอมเปรี้ยวบางคลอไปจนจบกลิ่น

กลิ่นกระจายตัวพอได้ ไม่ฟุ้งกระจายเท่าไหร่ ด้วยกลิ่นที่บางเบามาก ถึงช่วงฉีดตอนแรกจะได้กลิ่นผลไม้พวกซีตรัสใสๆ ชัดเจนอยู่ แต่พอกลิ่นเข้าช่วงกลิ่นดอกไม้แล้วก็เริ่มลดการกระจายตัวไปยังรวดเร็ว กลิ่นหอมใส โปร่งสดชื่น ให้ความรู้สึกสะอาด เป็นกลิ่นที่หอมนะแต่ไม่ทนเท่าไหร่ สองสามชั่วโมงก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นแล้ว แต่ถ้ากลิ่นบนเสื้อยังคงรู้สึกอยู่มันจะเป็นกลิ่นที่หวานอมเปรี้ยวสะอาดๆ ติดตัวไปตลอดวัน คือกลิ่นมันสดชื่นดีเลยละแต่ต้องฉีดบนเสื้อหรือบนผิวผ้านะ

เป็นกลิ่นของดอกไม้บางเบา กลิ่นคมๆ ที่ดูสดใส บอบบาง แต่ก็ไม่อ่อนแอ กลิ่นอมเปรี้ยวแบบดอกไม้กลีบบาง ที่ให้กลิ่นเบามาก ต้องยกมือขึ้นมาดึมถึงจะได้กลิ่น จะว่าไปกลิ่นมันก็เหมือนแชมพูอะไรสักอย่างอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่มันกลิ่นเบาบางมากแบบนี้ ที่ระหว่างวันแทบจะไม่ได้กลิ่น และติดไม่ทนเลยทำให้คิดว่ากลิ่นนี้ไม่คุ้มที่จะลงทุนสำหรับเอามาใช้จริงจริงเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องการเอาไปใช้เป็นกลิ่นติดผิว ติดตัวเบาๆ ให้รู้สึกตัวเราหอมสดชื่น สะอาด ก็เหมาะอยู่

Christian Dior Dior Addict Eau Fraîche EDT 50ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Miss Dior Originale EDT + Parfum [Vintage]

.

Miss Dior Originale EDT เปิดตัวในปี 2011 ที่มาจากกลิ่นดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ปี 1947 เป็นน้ำหอมกลิ่นแรกๆ ของ Christian Dior เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Chypre Floral ที่มีความลงตัวของกลิ่นgหมาะกับการเป็นน้ำหอมของห้องเสื้อ Christian Dior ที่มอบความนุ่มนวลให้สัมผัส และทิ้งท้ายด้วยเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์ ประกอบด้วยโน้ตกลิ่นของ Galbanum ให้ความสดชื่นกับกลิ่นมวลดอกไม้ที่เป็นหัวใจของกลิ่นจาก Jasmine และ Grasse Rose ประกอบด้วย Patchouli มอบบุคลิกภูมิฐานน่าเกรงขามทิ้งท้ายในกลิ่น

ซึ่งโน๊ตในกลิ่นของแบบ EDT จะแตกต่างจากรุ่นดั้งเดิมแบบ Parfum อยู่มากหน่อย แต่โดยรวมยังคงให้กลิ่นที่คล้ายกับรุ่น Parfum อยู่มาก เพียงแต่จะขาดความมีมิติ ความลึก เนื้อกลิ่นเบาลง แต่ให้ความเบาสบายของกลิ่นมากขึ้น และมีความสดชื่นกว่ามาก ลองกลิ่นครั้งนี้เลยจะขอเน้นไปที่รุ่น EDT ที่ลองกลิ่นแล้วเข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ขวดที่ลองก็เป็นขวดขนาด 50ml ที่เป็นขวดรุ่นเก่า เป็นขวดช่วงปี 1992 ที่ฉลากยังไม่มีคำว่า Originale ที่ทำใหม่ปี 2011 นะ จะเห็นจากรูปจะเป็นขวดใหญ่สุดยังทำใจกดสเปรย์ไม่ได้เพราะหายากมากเลยอยากเก็บไว้อย่างนั้นก่อนสักพัก เรามาลองกลิ่นกันดีกว่า

กลิ่นเปิดหอมแบบบอกไม่ถูกเลยเหมือนหลุดไปอีกยุค หอมเย็น อบอุ่น ที่มีความหวานแบบยุคเก่าที่ค่อยๆ เผยความหวานออกมาให้รู้สึกทีละนิด ตามด้วยความหอมนวลแบบแป้งหอมหวานแหลมจนแทบจะฉุนจมูก พื้นหลังของกลิ่นตอนนี้มีกลิ่นเขียวที่ติดขมคมๆ ลอยวนไปมาตัดกับกลิ่นหวานแหลมที่ฟุ้งกระจายอยู่ กลิ่นโดยรวมเป็นกลิ่นค่อนข้างแน่นพอสมควร ความหอมของมันเป็นความหอมที่ให้ความรู้สึกถึงแป้งหอม น้ำหอมแห้งๆ พอเริ่มแห้งไปสักพักเริ่มมีกลิ่นเขียวฉ่ำแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่ฉ่ำไปกว่ากลิ่นหอมนุ่มกลิ่นหลักนั้น ไอ้กลิ่นหลักนี่ละมันทำให้นึกถึงดอกไม้สีเหลืองที่โดนขยี้บนฝ่ามือมันส่งกลิ่นหอมพร้อมกับกลิ่นเขียวของขั้วดอกไม้ที่ถูกขยี้อย่างนั้นเลย

ด้วยกลิ่นที่หวานแรง แป้งจัดๆ ที่มีความติดขมนิดๆ ในกลิ่นพอผสมกันแล้วมันทำให้กลิ่นดูหรูมาก นึกถึงกลิ่นที่ไม่ได้อยู่ในยุคนี้ แต่เป็นยุคโบราณก็ว่าได้ ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้รู้ว่ากลิ่นมันแนวกลิ่นน้ำหอมเก่า น้ำหอมโบราณสมัยก่อนหน่ะ คือกลิ่นหอมหวน รัญจวนใจ ใช้คำนี้ก็ไม่มากไป หวาน นุ่ม หรู แป้งติดฉุนหน่อยๆ นึกไปถึงผู้หญิงสวยผมเกล้าสูง ใส่ชุดราตรียาวสีขาวนั่งหน้าโต๊ะกระจกในห้องที่ไฟสลัวกำลังเตรียมตัวไปงานเลี้ยงแบบในหนังเก่าเลย

นี่แหละกลิ่นที่เหมาะสมกับคำว่า Miss Dior มากที่สุดก็คือกลิ่น Original อย่างไม่ต้องสงสัย แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกได้ถึงความหรู มีระดับแล้ว กลิ่นหวานแน่นสมกับที่เป็นกลิ่นดังของยุคสมัยนั้น เรียกว่าทำให้ Miss Dior ยุคปัจจุบันดูเป็นกลิ่นเด็กๆ ไปเลย น่าเสียดายที่รุ่น Original มีขายแค่บางประเทศ ส่วนไทยนั้นก็มีอยู่แต่น่าจะมีเป็นบางเคาน์เตอร์ ไม่ได้มีขายทุกเคาน์เตอร์ และก็มีแค่แบบ EDT เท่านั้น รุ่น EDP ไม่ได้นำเข้ามาขาย แต่ก็เข้าใจได้เพราะกลิ่นมันค่อนข้างโดดออกจากกลิ่นอื่นๆ ที่มีขายในเคาน์เตอร์ปัจจุบันเลย คนทั่วไปคงคิดว่ากลิ่นมันเก่าดูโบราณ และก็จะไม่ซื้อกันละมั้ง

Dior Miss Dior EDT 50ml, EDT 30ml, Originale EDT 100ml

.

 Miss Dior กลิ่นดั้งเดิมนี้ก็เป็นน้ำหอมเก่าอีกกลิ่นที่ได้หาเก็บมาได้พอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นความเข้มข้นแบบ Parfum เพราะในช่วงก่อนยุค 90 น้ำหอมส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่แบบ Parfum กัน และก็ขวดขนาดเล็กพวก 7ml 10ml 12ml อะไรแบบนี้ที่มีแพ็คเกจสวยหลากหลายให้เลือกซื้อกันตามช่วงเวลาแต่ละยุคด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนที่ชอบแพ็คเกจกับรูปร่างขวดมากๆ ไม่เหมือนปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ขวดรูปร่างเดียวกันไปทุกกลิ่นเหมือนกันไปหมด

ครั้งนี้เลยถือโอกาสหยิบเอา Miss Dior ที่เก็บได้มาสักพักเอามาลงไว้เป็นตัวอย่างนิดหน่อยให้ดูว่าขวดแต่ละรุ่นมันสวยแปลกขนาดไหน

Miss Dior EDT 5ml, Parfum 7.5ml

.

Miss Dior Esprit de Parfum 7.5ml

.

Miss Dior Parfum 7.5ml

.

Miss Dior Parfum 15ml

.

Miss Dior Parfum 7.5ml

.

Miss Dior Parfum 6ml

.

Miss Dior Atomiseur Parfum 12ml

.

Miss Dior Atomiseur Parfum 25ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Dior Addict EDT

.

Dior Addict EDT เปิดตัวมาปี 2014 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่นดอกไม้ ที่มีโน๊ตกลิ่น Siclian Mandarin ให้ลิ่นแนว Fruity สดชื่นสนุกสนาน Jasmiin Sambac, Tunisian Neroli ให้กลิ่นหอมดอกไม้สีขาวที่น่าหลงใหล และ Sandalwood, Vanilla เป็นกลิ่นฐานเพิ่มความนุ่มนวล เป็นการรวมกลิ่นที่มอบความสดชื่น และนุ่มนวลของไม้หอม แสดงความเป็นผู้หญิงที่สดใสมีระดับ

กลิ่นเปิดมาเป็นกลิ่นเขียวใสๆ ติดหวานที่ให้ความรู้สึกถึงดอกไม้สีขาวฉ่ำ แต่ก็มีกลิ่นหอมมันวนิลาบางๆ ซ้อนอยู่หลังกลิ่นเขียว ผ่านไปสักพักเริ่มกลิ่นออกหวานแบบกลิ่นส้มที่มีกลิ่นเปลือกส้มติดมาด้วย กลิ่นดอกมะลิที่ว่าออกแนวกลิ่นขั้วเขียวๆ ของดอกมะลิมากกว่า และกลิ่นคลอมาพร้อมกับกลิ่นหวานแบบส้ม ให้ความรู้สึกสดใส สดชื่นดีเลย ช่วงกลางของกลิ่นไปแล้วจะทิ้งความหอมแบบนุ่มครีมหวานฉ่ำหน่อยๆ ไว้บนผิวแบบมักส์ กับวนิลา เป็นกลิ่นติดผิวที่โอเคอยู่

กลิ่นกระจายตัวดีพอประมาณ เพราะกลิ่นค่อนข้างเบาไม่แน่น เหมาะกับวันสบายๆ อากาศร้อนก็ใช้ได้นะเหมาะดีด้วย ใช้แล้วดูน่ารัก สดใสดี และกลิ่นก็ติดทนโอเคใช้งานได้ดี กลิ่นนี้เหมาะกับใช้ประจำวัน ในทุกๆ วันอีกด้วย

กลิ่นนี้ไม่มีความคล้ายกับรุ่น EDP เหมือนเป็นกลิ่นคนละขั้วเลยในช่วงกลิ่นเปิด แต่กลิ่นช่วงท้ายๆ ให้อารมณ์รุ่น EDP อยู่ ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นคล้าย J’adore ซะมากกว่า แต่เป็น J’adore ที่เด็ก และสดใสกว่ามาก กลิ่นออกไปทางลูกอม ขนมหวานๆ ด้วยบางที แต่ดมยังไงก็ทำให้ภาพ J’adore หลุดออกไปจากหัวไม่ได้เลย มันหวาน มันติดเขียวดอกมะลิคล้ายกันอีก เพียงแค่เอาความเข้มฉ่ำ และความเขียวของกลิ่นออกไปหน่อย ก็นี่ละ Dior Addict EDT

Christian Dior Dior Addict EDT 50ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior JOY EDP Intense

.

Christian Dior JOY EDP Intense เปิดตัวปี 2019 ปีต่อมาจาก JOY ตัวแรกเรียกว่าค่อนข้างเร็วสำหรับน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่มีกลิ่นย่อยออกมาแล้ว เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral Woody ที่มีความคิดจากสวนดอกไม้ พลิ้วไหว ส่องประกายเหมือนดอกไม้ไฟ ที่มีโน้ตกลิ่น Citrus, Neroli, Rose, Grasse Jasmine, Sandalwood, Vanilla ที่โน๊ตกลิ่นไม่เปลี่ยนมากสักเท่าไหร่ เพิ่มเติมที่กลิ่น Sandalwood และ Vanilla ที่ดูต่างไป

กลิ่นเปิดหอมเปรี้ยว อมหวานที่รู้สึกแปลกพิลึก เหมือนกลิ่นลิปสติก กลิ่นเครื่องสำอาง รึกลิ่นพลาสติก สักพักจะรู้สึกกลิ่นหวานแบบน้ำหอมกลิ่นดอกไม้สไตล์ดิออร์ ที่ให้ความหอมฉ่ำกลิ่นแรงสะใจ กลิ่นค่อนข้างใสคล้าย Miss Dior แต่มันมีความนุ่มครีมๆ ทีทำไม่ให้รู้สึกมันสดใสเกินไป กลิ่นนั้นให้ความรู้สึกคล้ายกลิ่นควัน กลิ่นฝุ่น ที่คิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นวนิลา ที่หอมครีมมี่กลมกล่อม โดยกลิ่นนี้ยาวไปจนช่วงที่น้ำหอมแห้งแล้วด้วย มันให้ความเคลิ้มแบบบอกไม่ถูกเลย รู้สึกถึงกลิ่นดอกไม้ใสแทรกมาเป็นระยะทำให้มันหอมมาก แต่ไม่รู้สึกถึงกลิ่นไม้หอมเท่าไหร่ ชอบกลิ่นนี้นะถ้าไม่ติดว่ามันหวานไปนิดสำหรับเวลากลางวัน กลิ่นมันเหมาะกับช่วงเย็นไปถึงกลางคืนอากาศเย็นๆ มากกว่า

กลิ่นเปิดมาแน่นฟุ้งกระจายดีมากๆ หลังจากลิ่นแห้งแล้วก็ยังคงทรงพลังฟุ้งอย่างต่อเนื่องเรียกว่าน่าประทับใจมาก ความทนนั้นก็ทำได้ดีสามารถอยู่ได้มากกว่า 6 ชั่วโมงยาวๆ โดยที่กลิ่นนี้ก็ยังคงใช้ในสภาพอากาศร้อนได้เหมือน JOY เดิม ถึงความหอมมันแบบวนิลา และมักส์ฉ่ำๆ นั้นได้ลดลงไปมาก แต่ก็ยังคงเป็นกลิ่นแรงที่อาจจะทำให้คนเวียนหัวได้อยู่ ใช้งานก็ต้องระวังเรื่องจำนวนสเปรย์ด้วย

ไม่คิดว่ากลิ่นนี้จะแตกต่างจาก JOY ตัวเดิม แต่ผิดคาดกลิ่นค่อนข้างต่างกันพอควร ถึงความหวานฉ่ำ แรงยังคงอยู่ แต่กลิ่นมันไม่อุ่น ไม่ฉุนมากเท่าตัวเดิม มีความอบเปรี้ยว – พลาสติก – ลิปสติก มาตัดกลิ่นหวานๆ ลง ทำให้ส่วนตัวชอบรุ่นนี้มากกว่าตัวเดิม รู้สึกสดชื่นตลอดช่วงอายุกลิ่นมากกว่าด้วย โดยรวมกลิ่นตระกูล JOY นั้นเป็นกลิ่นหอมที่ค่อนข้างธรรมดาในความคิดส่วนตัว ไม่มีความเด่นหรือแตกต่างไปจากน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ที่หวานฉ่ำ นุ่มมักส์ และวนิลา ที่มีอยู่กันมากมายเลย

Christian Dior JOY EDP Intense 30ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior JOY EDP

.

Christian Dior Joy EDP เปิดตัวปี 2018 เป็นน้ำหอมแนว Floral Musk เป็นน้ำหอมของความสุขสดใส เหมือนรอยยิ้มสดใสในขวดแก้ว เป็นน้ำหอมกลิ่นใหม่จาก Dior ที่น่าแปลกว่าข้อมูลการบรรยายกลิ่นในเว็บไซต์นั้นน้อยมาก รายละเอียดของโนีตกลิ่นก็ไม่มีอีกด้วย แต่ดูจากเว็บน้ำหอมดังๆ แล้วโน้ตหลักๆ จะเป็นผลไม้ตระกูลซีรัส ดอกมะลิ กุหลาบ พีช มักส์ และเครื่องเทศ ส่วนตัวก็ไม่ค่อยได้สนใจกลิ่นนี้เท่าไหร่ ด้วยรูปร่างขวดมันคล้ายกับ Sauvage ที่เป็นขวดสีชมพู โลโก้ JOY ดูหมือนยี่ห้อขนมมากกว่าน้ำหอม แต่ถึงยังไงก็เอามาลองกลิ่นอยู่ดี

กลิ่นเปิดมาหวานคมแสบจมูกตามมาด้วยความหมอมครีม ทำให้มันดูเป็นน้ำหอมผู้หญิงชัดเจน สักพักเริ่มมีกลิ่นอมเปรี้ยวฉ่ำเหมือนผลไม้สุกๆ ผสมกับกลิ่นหวานที่ให้ความคล้ายดอกกุหลาบที่มาก่อนหน้า ยิ่งทำให้กลิ่นหวานไปใหญ่ เมื่อกลิ่นแห้งไปสักพักความหอมมันเริ่มเพิ่มมากขึ้น กลิ่นหวานเริ่มลดความแรงลง รู้สึกถึงกลิ่นมักส์ที่หอมครีม มันๆ ออกไปทางกลิ่นวนิลาเบาๆ อวลอยู่ในกลิ่น ช่วงนี้กลิ่นค่อนข้างดี หอมมัน หวานกำลังดี หอมสดชื่นใช้ได้เลย กลิ่นช่วงกลางไปล้วนั้นมันให้ความรู้สึกถึงกลิ่นหนึ่งของ CHANEL กลิ่นนั้นก็คือ ALLURE สำหรับผู้หญิง กลิ่นคล้ายกันมากๆ ยกเว้นกลิ่นเปิดนะ

กลิ่นเปิดกระจายตัว ฟุ้งกระจายสุดๆ ตลอดช่วงกลิ่นก็กระจายตัวดีมาก กลิ่นกลม นุ่ม ฉ่ำๆ แบบนี้ทำให้ความทนค่อนข้างดี อยู่ได้ทั้งวันสบายๆ กลิ่นมันก็เหมือนจะเหมาะกับอากาศร้อนด้วยนะในช่วงต้น แต่ช่วงกลางกลิ่นไปแล้วไม่แน่ใจ ด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างอุ่น อาจจะฉุนไปสักนิด แต่ต้องลองด้วยตัวเองอาจจะชอบกลิ่นแบบนี้ในอากาศร้อนก็ได้ ส่วนตัวไม่ค่อนชอบเท่าไหร่ เพราะกลิ่นมันค่อนข้างหวาน ที่มีมักส์ฉ่ำๆ มันแสบจมูกเวลาอากาศร้อน ใช่แล้วกลิ่นแบบนี้ต้องสเปรย์ระวังด้วยเพราะอาจจะทำให้คนรอบข้างปวดหัวได้เลย

เป็นน้ำหอมที่รู้สึกได้กลิ่นแต่ความหวาน หวานอมเปรี้ยวที่กลิ่นค่อนข้างแรงในช่วงเริ่มต้น แต่ถ้าผ่านมันไปได้ ก็จะเจอกลิ่นหอมนุ่ม ครีมมี่ ของมักส์ที่มีกลิ่นแบบวนิลาบางๆ พร้อมกับกลิ่นดอกไม้หวานเป็นพื้นหลัง กลิ่นแบบนี้เป็นกลิ่นที่จะทำให้คนอื่นเวียนหัวได้ง่าย แต่รู้สึกจะเป็นกลิ่นที่คุ้นไปซะทั้งหมด เหมือนว่ายี่ห้อดังๆ ก็จะมีกลิ่นแบบนี้ทั้งนั้น บางทีดมแล้วก็แยกไม่ออกว่ากลิ่นมันเป็นกลิ่นอะไร ยี่ห้ออะไรแล้วตอนนี้

Christian Dior JOY EDP 30ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Higher Energy EDT

.

Christian Dior Higher Energy เปิดตัวมาในปี 2003 เป็นกลิ่นต่อยอดจากรุ่นพี่ Energy ที่กลิ่นนี้ให้ความเป็นหนุ่มในเมืองใหญ่ ด้วยกลิ่นที่สดชื่น แนว Woody และ Spicy ด้วยกลิ่นจาก Grapefruit, Peper และ Vetilver มอบความโปร่งใสที่มีชีวิตชีวา จากคำบรรยายก็มองว่ากลิ่นนี้คงจะออกไปทางกลิ่นสดชื่นที่ทิ้งท้ายด้วยกลิ่นนุ่มหวาน แต่ด้วยดูหน้าตามันแล้วอาจจะเป็นอีกเวอร์ชั่นของ Energy ที่ให้กลิ่นใส สดชื่นกว่ามั้ง

กลิ่นนี้เปิดมาหอมแบากว่ากลิ่นก่อนที่ลองไป แต่ยังเปิดมาแบบซีตรัสใสสดชื่นที่อมหวานอมเปรี้ยวติดนวลนิดๆ ครีมหน่อยๆ เหมือนกลิ่นแชมพู มีกลิ่นคล้ายดอกไม้หอมบางแนวกลิ่นอโรม่า คล้ายกลิ่นลาเวนเดอร์ แต่มันจะออกอมเปรี้ยวแห้งๆ คมๆ ที่บางทีก็นึกถึงสัปรด แทรกเข้ามาทำให้กลิ่นมันดูนุ่มเย็น หอมบาง โปร่ง สบายจมูกไม่หนักแน่นจนเกินไป ที่ว่ากลิ่นมันคล้ายลาเวนเดอร์ก็เพราะกลิ่นรวมๆ มันคล้ายกับ CHANEL Platinium Egostine แต่เป็นเนื้อกลิ่นที่บาง เบากว่ามาก

กลิ่นนี้โดยรวมมันยังคงทำให้นึกถึงน้ำหอมในสเปรย์กระป๋องยี่ห้อดัง เป็นแนวกลิ่นแบบผู้ชาย วัยรุ่น วัยทำงาน ว่าง่ายๆ ก็กลิ่นผลิตภัณฑ์ดูแลของผู้ชายนั่นแหละ แต่มันมาในรูปร่างของน้ำหอมที่ให้กลิ่นหอมสปอร์ท แต่ไม่ถึงกับกลิ่นแนวนักกีฬา มีมิติ ดูเท่ ดูดี ใช้ได้เลย

กลิ่นกระจายตัวโอเค แต่ด้วยกลิ่นที่เบาไปหน่อยทำให้ไม่ค่อยรู้สึกถึงกลิ่นมากแต่ยังคงจับกลิ่นตอนลมพัดมาได้อยู่ ดังนั้นเรื่องความทนก็ตามสภาพกลิ่นไม่ทนสักเท่าไหร่ ส่วนตัวลองกลิ่นรู้สึกว่าแค่ 2-3 ชั่วโมงกลิ่นก็แทบจะหายไปหมดแล้ว สรุปกลิ่นนี้เป็นกลิ่นโทนเดียวกับ Higher แต่เป็นโทนหอมเบา โปร่ง เป็นกลิ่นที่บาง แต่ก็หอมสดชื่นเหมาะกับสภาพอากาศร้อนตอนนี้

Christian Dior Higher Energy EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Higher EDT

.

Christian Dior Higher น้ำหอมที่ออกมาช่วงปี 2001 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Woody Aromatic ตามเว็บไซต์ Dior บรรยายไว้ประมาณว่าเป็นกลิ่นที่ Modern แสดงถึงความมีเสน่ห์ของผู้ชายในปัจจุบัน (ในยุคนั้นหน่ะนะ) กลิ่นที่เย็น ให้ความตื่นตัว ด้วยโน๊ตกลิ่นของ Pear, Citrus, Basil ให้กลิ่นแนวเครื่องเทศ และนุ่มนวลของ Musk ตัวบล็อกเจอกลิ่นนี้วางขายที่เคาน์เตอร์ Dior ก็สงสัยว่ากลิ่นอะไรเนี่ย ขวดรูปทรงธรรมดาๆ วางอยู่ชั้นล่างสุดไม่เป็นที่สนใจของใคร มีคู่กัน 2 กลิ่น ชื่อกลิ่นก็ไม่คุ้น ด้วยความสงสัยก็เอามาทั้ง 2 กลิ่น เอามาลองซะหน่อย พนักงานก็ดูจะดีใจมากด้วยที่เราเลือกทั้งสองกลิ่นนี้มา เพราะเหมือนว่าจะมีแค่อย่างละขวด ที่ดีใจน่าจะดีใจที่ขายได้สักทีละมั้ง 555

กลิ่นเปิดแบบซีตรัสคมๆ สดชื่นติดขมนิดๆ ตามแบบน้ำหอมผู้ชายที่ได้กลิ่นทั่วไป สักพักจะเริ่มมีกลิ่นหอมเย็นแห้งๆ แนวกลิ่นอโรม่า ผสมกลิ่นสไตล์แนวกลิ่นสังเคราะห์ ที่อาจจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ถ้าตามโน๊ตมันจะเป็นกลิ่นของสน Cypress และ โรสแมรี่ มันเป็นกลุ่นคุ้นเคยมาก มากจนคิดว่าเคยได้กลิ่นแบบนี้ทุกที่อยู่ช่วงนึง ช่วงนั้นก็สมัยเรียนมหาลัยละมั้ง กลิ่นที่ว่าก็คือกลิ่นน้ำหอม AXE กลิ่นนึ่งแน่นอน มันเป็นกลิ่นแนวซีตรัสคมๆ ผสมกับกลิ่นแนวเข้มของไม้หอม ดอกไม้อะไรสักอย่างที่มันทำให้รู้สึกแบบน้ำหอมผู้ชาย ที่จะได้กลิ่นตามผลิตภัณฑ์ของผู้ชายทั่วๆ ไป

พอกลิ่นแห้งสักพักจะเริ่มเข้าช่วงกลางของกลิ่นจะได้กลิ่นหวานแปลก หอมดีเลยละกลิ่นแบบนี้มันต่างจากกลิ่นเปิดแบบผิดหูผิดตา กลิ่นหวาน นุ่ม เหมือนถั่วแช่แข็ง มีความเขียวของกลิ่นบางๆ กลิ่นฝุ่นแป้งนิดๆ ออกไปทางกลิ่นไม้หอมแห้งโปร่งหน่อยๆ แบบว่ากลิ่นมันมีสเน่ห์อยู่เหมือนกัน กลิ่นสะอาดดีให้อารมณ์นักกีฬา แบบเทนนิส ฟุตบอลที่พักระหว่างการแข่งขัน เหงื่อเปียกๆ กับร่างกายร้อนๆ และกลิ่นติดหวาน ฝุ่นๆ มันหอมเท่ สปอร์ทดีเลย อารมณ์ประมาณกลิ่นโรลออนกับกลิ่นเหงื่อประมาณนั้นละมั้ง

กลิ่นนี้ฟุ้งดีจนแสบจมูกเลย กลิ่นหอมโปร่งๆ ก็ไม่แปลกที่จะฟุ้งขนาดนี้ ความทนก็พอประมาณไม่ทนทั้งวัน ฉีดเช้าเที่ยงๆ กลิ่นก็เหลือแค่บางๆ แล้ว เป็นน้ำหอมกลิ่นโปร่งเบาๆ ที่เหมาะกับช่วงอากาศร้อนแบบนี้ดี ไม่ทนมากแต่ก็ถูกแล้วละ

Christian Dior Higher EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Midnight Poison EDP [Vintage]

.

Christian Dior Midnight Poison เปิดน้ำหอมที่ออกมาในปี 2007 น้ำหอมแนวกลิ่น Woody Chypre ที่เด่นด้วย Patchouli, Rose, Amber เป็นน้ำหอมตระกูล Poison กลิ่นที่ 5 ซึ่งเป็นกลิ่นที่หยุดการผลิตไปแล้ว และเป็น Poison ที่หลายคนพูดถึงมากมาย หลังจากหยุดการผลิตกลิ่นนี้ก็เป็นกลิ่นที่ราคาในตลาดมือสองแพงมาก หายากมากด้วย ยิ่งทำให้อยากรู้ว่ากลิ่นมันเป็นยังไงคนชอบพูดถึงเมื่อเริ่มเรื่องคุยเกี่ยวกับน้ำหอมตระกูล Poison ฟังแล้วก็น่าสนใจใช่ไหมละ มาลองกลิ่นกันดีกว่า

กลิ่นเปิดบางเบา หอมเย็นระเรื่อพร้อมกับกลิ่นอมเปรี้ยวแปร่งๆ คล้ายกลิ่นกุหลาบ พอกลิ่นอมเปรี้ยวเริ่มจากลงจะกลับหอมเย็นแบบพิเสนฉ่ำๆ อีกครั้งพร้อมกับกลิ่นกุหลาบหอมหวานเบาๆ คลออยู่ด้านหลัง เป็นกลิ่นที่ดูหรู สุขุม เยือกเย็น เหมือนชื่อ Midnight Poison เลย

เป็นการลองกลิ่นบนกระดาษทิชชู่ ที่ลองรุ่นขวดเก่า กับ รุ่นขวดใหม่พร้อมกัน ที่กลิ่นเปิดกับช่วงกลางนั้นคล้ายกันมาก แต่แตกต่างตรงที่ขวดรุ่นเก่านั้นกลิ่นกลางแบบพิมเสนเย็นๆ คลอความหวานกับกุหลาบบางๆ นั้นฉ่ำแต่ทนนานกว่ารุ่นขวดใหม่มากๆ กลิ่นของขวดใหม่กลิ่นเบาลงค่อนข้างเร็วจนน่าแปลกใจแต่ไม่ได้หายไปไหนนะยังคงลอยรอบๆ ตัวแค่ไม่เข้มเหมือนตอนแรกแล้ว

เป็นกลิ่นที่ดูลึกลับ เยือกเย็น สุขุม สุภาพ หรูหรา และหอมจริงอย่างที่ใครๆ บอกเลยละ น่าแปลกใจที่กลิ่นนี้หยุดผลิตไปไม่ยืนเป็นกลิ่นหลักแบบ Poison สีอื่นๆ คงเพราะกลิ่นนี้มันแตกต่างเกินไป หรือไม่เป็นที่นิยมเหมือนสีอื่นๆ ที่ขายอยู่ปัจจุบันมากไปละมั้ง เห็นว่า Midnight Poison มีการปรับสูตรใหม่ และรูปร่างขวดใหม่ช่วงระหว่างปี 2011 และเลิกวางขายไปเมื่่อช่วงเดือนธันวาคม 2013

เอาจริงๆ ปัจจุบันกลิ่นแนวพิมเสน หรือแพชชูลี และกุหลาบนี้ เจอได้กับน้ำหอมจากหลายยี่ห้อแล้วมีหลายกลิ่นที่มีความคล้าย Midnight Poison อยู่บ้าง ทำให้มาลองกลิ่นในยุคลหลังจากที่มันเลิกผลิตไปไม่รู้สึกแปลก หอมมาก หรือหอมแตกต่าง อย่างที่เราอ่านริวิวของคนอื่นแต่อย่างใด เผลอกลิ่นแบบนี้กลายเป็นน้ำหอมผู้ชาย หรือ Unisex ในยี่ห้ออื่นด้วยซ้ำ ถึงจะว่างั้นแต่มันก็ไม่ใช่ Dior ไง จะมาแทนกันได้ไงละ บล็อกต้องการขวดกลมๆ รูปร่างเหมือนแอ๊ปเปิ้ลเคลือบยาพิษแบบนี้ต่างหาก

Christian Dior Midnight Poison EDP 100ml [Tester]

.

Christian Dior Midnight Poison EDP 5ml

.

ขวดขนาดทดลองได้มาพร้อมถุงผ้าหูรูด สายสะพายยาวเหยียดหรูหราดีอีกต่างหาก มาไกลจากสเปน รออยู่เกือบสามอาทิตย์กว่าจะเดินทางมาถึง ตอนแรกลองกลิ่นก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นเท่าไหร่ แอบใจเสียคิดว่าน้ำหอมข้างในปลอมอีก แต่ลองไปลองมาก็มั่นใจว่าแท้จากการเทียกลิ่นของขวดใหญ่ที่ได้ตอนต่อมา ที่กลิ่นไม่ค่อยรู้สึกเพราะมันเป็นแบบขวดแต้ม ตัวบล็อกก็แต้มออกมาแค่นิดหน่อยกลัวเสียของมันก็เลยไม่ได้รู้สึกกลิ่นอะไรมากนั่นเอง เพราะความงกของตัวเองแท้ๆ เกือบเสียใจไปแล้ว

ตัวบล็อกเองหากลิ่นนี้มานานก็ไม่เห็นมีใครลงขายในเว็บมือสองในไทยสักที หรืออาจจะไม่ทันคนอื่นที่เจอลงขายก่อนก็ได้ จนตัดสินได้สั่งขวดเล็ก 5ml จากต่างประเทศมาลองกลิ่นกันเลยทีเดียว น่าแปลกหลังจากได้ขวดเล็กมาแล้ว ก็มีคนเสนอขายขวดใหญ่ให้ซะงั้น และล่าสุดก็ไปเจอลงขายในเว็บมือสองมาอีกด้วย ทำให้ได้มา 3 ขวดแล้ว แต่กว่าจะจะได้มาก็พลาดไปหลายครั้งกับการสั่งซื้อจากร้านในไทยที่ได้ของปลอมมาตลอด เป็นของปลอมที่เนียนมากดูแค่ภายนอกไม่ออกแน่นอน ขวดดูเป็นของแท้นะ มีโค้ดพิมพ์ข้างขวด ก้านหัวสเปรย์ด้านในก็ดูแล้วเป็นของเหมือนแท้ แต่น้ำหอมข้างในปลอม รู้ก็เพราะกลิ่นมันแปลกๆ แต่ก็หอมอยู่หรอก และก็มาสังเกตตรงที่น้ำหอมในขวดที่มีปริมาณที่เต็มขวดผิดปกติทั้งที่ขวดสภาพค่อนข้างผ่านกาลเวลาแต่ทำไมน้ำหอมยังเต็มขวด ซึ่งปกติ Dior จะไม่มีกลิ่นไหนเลยที่น้ำหอมเต็มเปี่ยมขนาดนี้ เลยไม่มั่นใจจะเอามาลองกลิ่นลงบล็อก หาซื้อแบ่งขายก็ไม่มีอีก จนได้ขวดใหญ่จากคนรู้จักมาเสนอขายเป็นขวดเทสเตอร์ ซึ่งมั่นใจที่มาของขวดนี้ได้มาก ประกอบกับขวดทดลองขนาดเล็กที่ได้มาจากต่างประเทศ เทียบกลิ่นกันแล้วเหมือนกัน หรือคล้ายกันตามที่รู้สึก

Christian Dior Midnight Poison EDP 100ml First Edition

.

ขวดนี้เป็นรูปร่างขวดเก่า ที่รูปร่างขวดออกแนวแป้นๆ คอขวดกับกัวสเปรย์เป็นสีเงิน ฝาขวดเป็นสีดำเข้มทึบไม่โปร่งใส เป็นขวดล่าสุดที่ได้มาจากเว็บมือสอง ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะแท้ไหม แต่ด้วยรูปร่างภายนอก ปริมาณน้ำหอมด้านใน ก็พอลุ้นให้เสี่ยงเอามาลอง พอมาถึงลองกลิ่นแล้วโล่งใจไป เพราะกลิ่นแบบเดียวกันเลย แต่พิเศษกว่าเพราะเป็นรุ่นก่อนปรับสูตรน้ำหอม กลิ่นมันหอมฉ่ำ รุนแรง ติดทนนานสะใจมาก น่าเสียดายเหลือแค่ก้นขวด แต่ก็โอเคเพราะตั้งใจจะเอาแค่ขวดรุ่นเก่ามาเก็บสะสมเฉยๆ โชคดีไป

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior J’adore Touche De Parfum

.

J’Adore Touche De Parfum เปิดตัวมาปี 2015 เป็นน้ำหอมแนว Floral Woody ประกอบด้วยกลิ่นหลักของ Indian Jasmine Sambac Damascus Rose และ Sri Lankan Sandalwood กลิ่นนี้ถูกวางไว้เป็นน้ำหอมสำหรับสร้างจุดเด่นให้กับผู้ใช้แต่ละคน โดยใช้ร่วมกับน้ำหอมกลิ่นอื่นที่ต้องการเพื่อสร้างกลิ่นที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามแต่ละคน เพียงแค่ใช้ไม่กี่หยดตามที่ต้องการเพื่อสร้างมิติความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเพียงคนเดียว

กลิ่นเมื่อแต้มลงผิวนั้นรู้สึกถึงความหอมอของดอกไม้ฉ่ำๆ แน่น แต่ก็ดูใสไปพร้อมพร้อมกัน มีความหวาน อมเปรี้ยวแบบพอดีทำให้ไม่หวานฉ่ำจนเกินไป ดอกไม้ที่ว่านั้นคล้ายกลิ่นดอกมะลิเข้มๆ เพราะมันดูทึบพร้อมกับหอมแหลมใสสไตล์ดอกมะลิ ผสมกลิ่นกุหลาบบางๆ กลิ่นช่วงนี้กลิ่นนั้นหอมนุ่ม ลอยฟุ้งกระจายตลบอบอวล พอเมื่อกลิ่นผ่านไปสักพัก หรือเอามือแตะกันเพื่อกระจายน้ำหอมนั้นกลิ่นจะเริ่มออกไปทางหวานแห้งมีกลิ่นดอกไม้หอมชัดขึ้น ในกลิ่นมีกลิ่นหอมซ่า เหมือนกลิ่นไม้หอม รึเครื่องเทศรสเผ็ด ที่มีความครีมมี่นุ่มกระจายออกมารอบๆ กลิ่นดอกไม้ที่ค่อนข้างแรง เริ่มมีความเป็นกลิ่นแนวแป้ง หรือกลิ่นฝุ่นๆ มากขึ้นจนเริ่มจะทำให้กลิ่นฉุนหน่อยๆ แต่ก็ยังหอมอยู่

เป็นน้ำหอมแบบแต้มแบบกลิ่นดอกไม้หรูหรา กลิ่นฉ่ำ เข้ม แรง หวานแบบฉ่ำ ติดเปรี้ยวในตอนกลิ่นเปิดให้ความรู้สึกนุ่มนวลอบอุ่น เป็นกลิ่นแรกที่รู้สึกว่ามันเข้าแนวเย้ายวนแบบหรูๆ อย่างที่โฆษณาน้ำหอมชอบพูดกันจริงๆ นะกลิ่นนี้ เป็นกลิ่นที่มีความกระจายตัวดีมาก เพียงแต้มแค่จุดละนิดก็ทำให้กลิ่นฟุ้งได้รอบตัวเราแล้ว ความทนนั้นเรียกว่าทนทานสมราคาเลยอยู่ได้เช้ายันเย็น โดยกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามระยะเวลาที่ใช้ ที่ช่วงแรกๆ นั้นกลิ่นหอมฉ่ำ มีความเปรี้ยว หอมใส ช่วงกลางเริ่มมีความเป็นกลิ่นไม้หอม-เครื่องเทศนุ่มอบอุ่น จนเกือบฉุน แลยังคงรู้สึกถึงความหวานได้บ้าง ช่วงหลังไปถึงท้ายจะเป็นกลิ่นโปร่งแห้งแบบกลิ่นไม้หอมชัดเจน ช่วงนี้กลิ่นไม่มีความหวานแล้วเป็นกลิ่นหอมติดผิวแบบชัดกว่ากลิ่นติดผิวจากน้ำหอมกลิ่นอื่นมากหน่อย

มีข้อสังเกตที่กลิ่นนี้กลิ่นแตกต่างไปตามจุดที่แต้มแบบชัดเจนมาก บางจุดก็เป็นกลิ่นที่ดูหวานอบอุ่น บางจุดก็ชัดเจนว่ามันคือกลิ่นมะลิหอมเย็น ยิ่งแต้มแล้วไม่เอามือถูลูบผิวกลิ่นจะคงความหวานอมเปรี้ยวใสของกลิ่นช่วงต้นนานมาก แต่ถ้าเอามือถูกันเพื่อกระจายตัวน้ำหอมแล้วนั้นกลิ่นช่วงต้นนั้นจะหายไปเลยแปลกดี โดยเฉพาะกลิ่นช่วงต้นนี่แหละที่หอมมากๆ

ขวดของ Christian Dior J’adore Touche De Parfum ขวดนี้ค่อนข้างพิเศษบริเวณที่ฝาขวด หรือส่วนที่ใช้แต้มน้ำหอมนี่แหละ ที่เป็นแบบหมุนขึ้นมาแล้วแต้มบนผิว โดยตอนหมุนปิดขวดลงไปตรงคอขวดเป็นเหมือนสุญญากาศดูน้ำหอมขึ้นมาไว้ตรงก้านใสใต้ฝาเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป เป็นระบบที่ดีมากไม่ต้องกลัวหก ไม่ต้องกลัวระเหย ไม่ต้องกะปริมาณมากน้อยเวลาแต้มมากเหมือนขวดแบบ Splash แบบสมัยก่อน และที่สำคัญขนาดและรูปร่างขวดนั้นส่วนตัวคิดว่ามันสวยลงตัวกว่า J’adore รุ่นอื่นๆ ด้วยเลยชอบกลิ่นนี้เป็นพิเศษ

Christian Dior J’adore Touche De Parfum 20ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior J’adore L’or Essence De Parfum

.

J’adore L’or Essence De Parfum เปิดตัวมาในปี 2010 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ที่คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดอันเลื่่องชื่อมารังสรรเป็นน้ำหอมที่มีคุณภาพดี  ที่มีโน้ตกลิ่นของ Jasmine และ May Rose จาก Grasse พร้อมกลิ่น Vanila จาก Tahitian และ Tuberrose ที่ให้กลิ่นอายตะวันออกอันมีเสน่ห์ ซึ่งทำให้ได้กลิ่น Jasmine อันทรงพลัง ประสานกับ May Rose ที่ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และกลิ่นเครื่องเทศที่เป็นจุดเด่นอย่างวนิลา ร่วมกันมอบความมีเสน่ห์อย่างแท้จริงให้กับตัวตนของคุณ ส่วนตัวดูจากรูปร่างขวดและแพ็คเกจแล้วรู้ได้เลยว่ากลิ่นนี้ต้องพิเศษกว่ากลิ่นอื่นๆ แต่ก็ไม่ค่อยชอบรูปร่างขวดที่ดูตันๆ อ้วนๆ สักเท่าไหร่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากขวดแชมเปญหรูหรานั่นแหละ แต่ก็จะลองกลิ่นให้ครบก็เลยต้องเอามาด้วย กลิ่นจะเป็นยังไงมาลองกันดีกว่า ขวดนี้ได้มาแบบมือสองเพราะราคาหน้าเคาน์เตอร์กลิ่นนี้ค่อนข้างแพงใช้ได้เลย

กลิ่นเปิดมาหอมนวลครีมมี่แนววนิลาโปร่งๆ พร้อมด้วยกลิ่นหอมดอกไม้กรุ่นๆ ออกหวานครีม หอมมันที่มีความรู้สึกถึงดอกมะลิที่มีก้านสีเขียวนิดๆ แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสัมผัสเนียนนุ่ม ในกลิ่นหอมเนียนนั้นมีความอมเปรี้ยวผสมกับความหวานจางอยู่บางๆ ที่รู้สึกได้ว่าเป็นพื้นหลัง ที่น่าจะเป็นกลิ่นของดอกมะลิ และกุหลาบตามโน้ตกลิ่น โดยที่กลิ่นหลักยังคงแนวกลิ่นวนิลาที่ช่วงกลางของกลิ่นไปแล้วจะมีความหอมเย็น ซ่า แบบเครื่องเทศนิดๆ และกลิ่นอำพันอบอุ่นไปจนจบอายุกลิ่น

น่าแปลกที่ J’adore L’or นี้กลิ่นไม่ไปทาง J’adore ดั้งเดิมสักเท่าไหร่ กลิ่นออกวนิลาโปร่งๆ นุ่มๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากกว่า หวานสุภาพไม่หรูหรา ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ากลิ่นกลิ่นรุ่นปกติ อีกอย่างกลิ่นนี้ไม่มีความเขียวตุ่นๆ บนผิวด้วยทำให้ชอบกลิ่นนี้มากกว่าอีก แต่มีข้อสังเกตที่กลิ่นหอมมันฟุ้งๆ แบบวนิลานั้น มันจะมีกลิ่นอมเปรี้ยวแปลกๆ ลอยมาเป็นพื้นหลังให้รู้สึกบางอารมณ์ก็คล้ายกลิ่นผ้าซักไม่แห้งยังไงชอบกล แต่ด้วยกลิ่นหลักมันแรงกว่าก็กลบไปพอได้อยู่ ทำให้กลิ่นมันดูมีมิติชัดดี

กลิ่นแค่ลองสเปรย์เดียวยังไม่ดันเอาขึ้นมาดมก็รู้สึกถึงกลิ่นได้แล้ว ดังนั้นความกระจายตัวไม่ต้องพูดถึงคือดีใช้ได้ ความทนก็ต้องยกนิ้วให้ด้วยความเข้มขั้นแบบ Essence De Parfum ให้กลิ้นยาวนานเกือบทั้งวัน ที่ช่วงท้ายทิ้งกลิ่นเอาไว้เป็นออร่ารอบตัวหอมดี  แต่ราคามันค่อนข้างแพงหน่ะสิกับปริมาณแค่ 40ml ขนาดเดียวด้วย คงเอาไว้ใช้ครั้งละสเปรย์หรือสองสเปรย์เป็นเลเยอร์กับกลิ่นปกติน่าจะเหมาะกว่า

Christian Dior J’adore L’or Essence De Parfum 40ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior J’adore in Joy EDT

.

J’adore in Joy เปิดตัวมาในปี 2017 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral-Fruity-Salty กลิ่นที่เน้นความสดชื่นมีชีวิตชีวา นุ่มนวลเข้าถึงง่าย ที่มีโน๊ตกลิ่นของ Ylang-Ylang จาก Madagascar โน๊ตกลิ่นจากเกลือทะเลที่เรียกว่า A Fleur de Sel ทำให้แปลกใจเมื่อได้กลิ่น และกลิ่นหอมฉ่ำของ Peach ขวดรุ่นนี้สังเกตว่ามาในขวดแก้วรูปทรงเอกลักษณ์ของ J’adore แตกต่างที่รอยบุ๋มที่ก้นขวดไม่เหมือน J’adore กลิ่นอื่นที่วางจำหน่าย พร้อมกับสีของน้ำหอมสีอมส้ม-ชมพูจางๆ ดูน่ารักขึ้นไปอีก และยิ่งได้ขวดขนาด 30ml ขนาดเล็กสุดมาด้วยอยากบอกว่าขวดขนาดนี้มันน่ารักมากจริงๆ

กลิ่นเปิดออกแนวฟรุ๊ตตี้ ที่ให้ความรู้สึกหวานฉ่ำ แบบกลิ่นหวานแนววัยรุ่น กลิ่นหมากฝรั่งผลไม้ หอมเบา ใส สดชื่นที่ให้ความรู้สึกครีมมัน คลอด้วยกลิ่นดอกไม้บางๆ ของกลิ่นดอกไม้สีขาว และกลิ่นหวานครีมมี่แบบ Ylang-Ylang ที่ลอยออกมาค่อนข้างชัด พอหลังจากแห้งไปสักพักจะรู้สึกถึงกลิ่นผลไม้ฉ่ำๆ แบบกลิ่นลูกพีชแบบช้ำๆ ออกเขียวนิ๊ดๆ ด้วย โดยกลิ่นช่วงท้ายๆ มันรู้สึกเหมือนกลิ่นแยมสตรอเบอรี่หวานๆ ที่เปิดฝาตากลมไว้นานแล้ว กลิ่นออกหวานน้ำตาลที่มีกลิ่นผลิไม้เหนียวๆ ในกลิ่นประมาณนั้น

เป็น J’adore ที่แตกต่างไปจากรุ่นพี่ที่ออกมาก่อนหน้า แบบไม่คิดว่าเป็นน้ำหอมในไลน์ J’adore เลยเป็นกลิ่น หวานใสๆ แนวรุ่นคนหนุ่มสาวดูสวยงามสดใสผิดหูผิดตา ไม่ดูหรูเกินไป ไม่จริงจัง ไม่เซ็กซี่ อยากบอกว่าเป็น J’adore ที่กลิ่นหอมสดชื่น ไม่หวาน เขียวๆ แสบจมูกเหมือนรุ่นอื่น

กลิ่นนี้ฟุ้งดีมากๆ แต่ไม่โอเวอร์เกินไปด้วย กลิ่นหอมสบาย หวานใสกำลังดี ไม่หรูไป ไม่เด็กไป แต่ใช้แล้วต้องรู้สึกเด็กลงแน่นอน กลิ่นใช้ได้ทุกโอกาส เหมาะที่จะเอาเป็นกลิ่นประจำตัวของใครสักคนมาก

Christian Dior J’adore in Joy EDT 30ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior J’adore Absolu EDP Absolue

.

Christian Dior J’adore Absolu เปิดตัวมาในปี 2018 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ที่มีกลิ่นหลักของ Grasse Jasmine, Jasmin Sambac, Rose, Magnolia และ Orange Blossom ดูโน๊ตกลิ่นที่มีแล้วกลิ่นเหมือนจะมีแค่ดอกมะลิซะอย่างงั้น ไม่เหมือนรุ่นปกติที่มีโน้ตกลิ่นเยอะ แต่ถึงจะมีมากน้อยแค่ไหนกลิ่นออกมายังคงความเป็น J’adore หรือเอกลักษณ์ของกลิ่นนั้นๆ ได้ก็ตรงตามจุดประสงค์แล้วละ

กลิ่นเปิดเป็นกลิ่นดอกไม้หอมเย็น กลิ่นคมๆ ของดอกไม้ชัดเจนมาก เป็นกลิ่นแนวดอกมะลิยามเย็นที่ให้กลิ่นหอมเย็นเข้มๆ บางคนอาจจะบอกว่ากลิ่นมันแรงไปด้วยซ้ำ มีความหอมมันครีมๆ ในกลิ่นทำให้มันเป็นกลิ่นที่หอมน่ากินเลยทีเดียว หลังจากผ่านไปสักพักจะเริ่มมีความหวานแทรกขึ้นมาให้รู้สึกมากขึ้นและช่วงนี้ละมันทำให้กลิ่นมีความหอมครีมมี่ อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

กลิ่นนี้ให้อารมณ์แนวคนทำงานแล้ว มีอายุระดับนึงแต่ไม่ใช่คนอายุมาก กลิ่นดูดี ภูมิฐาน และติดหรูหน่อยๆ หรือที่เรียกว่ากลิ่นนี้เหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า ซึ่งก็เรานี่แหละเหมาะสุดแล้ว หอมดอกมะลิเข้มๆ ถามว่าเป็นกลิ่นแนวหวานๆ เลยไหม ไม่เชิงหวานจ๋าแค่แทรกมาให้กลิ่นดูกลมขึ้น แต่ไม่ฉุ่น

ยังคงไม่ทิ้งความเป็น J’adore ดั้งเดิมที่มีกลิ่นเขียวตุๆ เป็นพื้นหลังแต่รุ่น Absolu นี้รู้สึกแค่บางๆ เท่านั้น เด่นที่กลิ่นมะลิหอมฉ่ำมากกว่า ตามชื่อ Absolu กลิ่นเข้มขึ้น ลึกขึ้น ก็ทำให้กลิ่นมันกระจายตัวดีมาก อายุของกลิ่นก็ทำได้ดีติดได้ทนเกือบทั้งวันได้เลย กลิ่นชัดดีนะแต่ลักษณะของกลิ่นมันก็ไม่ได้ต่างจาก J’adore เดิมๆ มากสักเท่าไหร่ กลิ่นช่วงกลางไปแล้วอาจจะเรียกว่าเหมือนกันเลยด้วยซ้ำ เหมือนแค่ออกมาเป็นรุ่นเพิ่มความเข้มของกลิ่นเฉยๆ

Christian Dior J’adore Absolu EDP Absolue 50ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Miss Dior Rose N’Roses EDT

.

Miss Dior Rose N’Roses EDT เปิดตัวปี 2020 เป็น Miss Dior กลิ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาเร็วๆ นี้เลย เป็นน้ำหอมกลิ่นแนว Floral ที่มีกลิ่นสดใสของกลีบดอกไม้สด มีกลิ่นฉ่ำของ Citrus เรียกความสดชื่น ประกอบด้วย Grasse Roses Zest of Bergamot และ White Musk หรือเรียกว่าเป็นน้ำหอมดอกไม้หอมหวานบางเบา ที่เน้นไปทางกลิ่นกุหลาบกลิ่นใหม่นั่นเอง

กลิ่นเปิดรู้สึกถึงกลิ่นซีตรัสขมๆ แต่สดชื่นพร้อมกับกลิ่นกุหลาบที่ดูไม่ใส กุหลาบฉ่ำๆ มาแบบจัดเต็มอยู่ตรงหน้าไม่ต้องรอกลิ่นอื่นๆ กลิ่นกุหลาบที่ไม่เปรี้ยว ไม่หวาน เป็นกุหลาบที่หอมดูเยือกเย็น แต่ก็สดชื่นไปในเวลาเดียวกัน สักพักจะเริ่มมีความหอมมัน ครีมมี่ฟุ้งๆ ลอยชัดขึ้นมาแทรกพร้อมกับกลิ่นกุหลาบ ทำให้มันหอมดูอบอุ่นขึ้นหน่อย โดยกลิ่นช่วงท้ายจะเป็นกลิ่นหอมหมันแบบมักส์ผสมกับกุหลาบอ่อนๆ ไปจนจบกลิ่น

กลิ่นช่วงแรกฟุ้งกระจายดีเลยละโดยเฉพาะกุหลาบฟุ้งตลบ ระหว่างวันก็ยังได้กลิ่นชัดอยู่เวลาเคลื่อนไหว ความทนนั้นพอดีๆ ประมาณ 4-5 ชั่วโมงพอได้ โดยที่ช่วงหลังจะเป็นกลิ่นผิวเราที่คนอื่นจะรู้สึกตอนเข้ามาใกล้ๆ ดูพิเศษดี อย่างวันทำงานเหนื่อยทั้งวันไม่ได้ฉีดเติมแต่มีเพื่อนร่วมงานเดินผ่านแล้วชมว่าตัวเรากลิ่นหอม มันทำให้หายเหนื่อยเลย มีแค่ไม่กี่กลิ่นที่ทำให้เจอประสบการณ์แบบนี้ส่วนใหญ่ตระกูล Miss Dior ที่กลิ่นบางเบาพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

Miss Dior Rose N’Roses เป็นกลิ่นที่หอม เบาสบาย กลิ่นกุหลาบกับมักส์เข้ากันดี ถึงจะดูธรรมดาไปนิดกลิ่นไม่รุนแรง แต่ก็ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะกลิ่นช่วงท้ายมักส์กับกุหลาบบางๆ รวมกับกลิ่นตัวของเรามันผสมกันเป็นกลิ่นหอมแปลกๆ และกลิ่นก็แตกต่างกันไปตามจุดที่ฉีดด้วย แต่ถ้าอยากให้เป็นกลิ่นเดิมๆ จากขวดไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ก็ฉีดบนเสื้อแบบนี้กลิ่นจะไม่เปลี่ยนมากนัก เพราะเหตุผลนี้กลิ่นนี้เหมาะที่จะเลือกเป็นกลิ่นประจำตัวได้ง่ายอีกกลิ่นหนึ่งเลย และราคาไม่แพงเท่ากลิ่นอื่นด้วย

Miss Dior Rose N’Roses EDT 50ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Miss Dior EDT

.

Miss Dior EDT เปิดตัวปี 2013 และออกรุ่นปรับสูตรอีกครั้งปี 2019 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Chypre Floral ที่เป็นกลิ่นสดชื่นของ Blood Orange Mandarin กลิ่นกลาง Lily of the Valley ที่ส่งต่อความสดชื่นและโปร่งเบา พร้อมกับกลิ่น Grasse Rose ที่ร่วมกับกลิ่นฐานชัดเจนอย่าง Patchouli กลิ่นนี้เป็นอีกกลิ่นที่มีมาในช่วงแรกเหมือนจะพร้อมๆ Miss Dior Blooming Bouquet ปัจจุบัน ไม่รูอันไหนมาก่อน แต่ก็ทำให้งงพอสมควรที่เห็น Miss Dior ออกมาหลากหลายขนาดนี้ พอดูแล้วน่าจะเป็นตัวคู่กับรุ่น EDP นั่นเอง

กลิ่นเปิดมาหอมกลมๆ ครีมมี่ อมหวานที่ฉ่ำหน่อยๆ ให้อารมณ์กลิ่นของขนมเค้ก ไม่ได้มีกลิ่นหอมซ่าใสอมเปรี้ยวแบบรุ่น EDP สักพักจะรู้สึกถึงกลิ่นหวานครีมที่มีความคล้ายกลิ่นกุหลาบบางๆ ไม่อมเปรี้ยวแบบกลิ่นกุหลาบที่เคยได้กลิ่น เป็นกุหลาบที่หอมนุ่ม ครีมนวลๆ มีกลิ่นเขียวแฉะ กลิ่นตันๆ ลอยอยู่พื้นหลังกุหลาบหวานนวลนั้น พอดมกลิ่นรวมๆ แล้วชวนให้นึกถึงกลิ่นมะม่วงสุกงอม พอกลิ่นผ่านไปช่วงกลางๆ จะรู้สึกความเขียวแห้งๆ แบบแพทชูลีเริ่มชัดขึ้นมาทำให้กลิ่นนี้มันดูหรู นุ่ม ผู้ดีกขึ้นไปอีก

เป็นกลิ่นของ Miss Dior อีกรุ่นที่กลิ่นช่วงแรกค่อนข้างแตกต่างจากรุ่นพี่ ถึงกลิ่นช่วงกลางไปแล้วจะคล้ายกันอยู่ แต่เบาขึ้นลดความหวานนิดก็ทำให้กลิ่นนี้หอมอีกแบบ ยังคงความรู้สึกหรูหรา นุ่มนวล อบอุ่นไว้ และกลิ่นก็หอมเบาสบายดีด้วย อย่างที่บอกกลิ่นนุ่มเบาสบายความฟุ้งกระจายก็เป็นไปตามกลิ่นที่ช่วงแรกนั้นหอมหวานกลมๆ ที่ฟุ้งดีใช้ได้ ตลอดอายุของกลิ่นก็โอเคฟุ้งให้รู้สึกเป็นช่วงๆ เวลาลมพัดมา

Miss Dior EDT 50ml

.

.

แถมอีกนิดกับรุ่นหัวลูกกลิ้งที่เหมาะเอาไว้ใช้เติมกลิ่นระหว่างวัน ด้วยที่กลิ่นแบบลูกกลิ้งนี้ออกมาแนวหอมวานนวล ฉ่ำๆ เลยตั้งแต่ครั้งแรกที่ทาลงผิว มันทำให้รู้สึกกลิ่นหอมแบบในกลิ่นช่วงแรกที่อมหวาน แซมเปรี้ยวนิดๆ ที่ชัดใสฟุ้งกระจายแบบเรียกความสดชื่นระหว่างวันได้ดีเลยทีเดียว มีข้อสังเกตที่ในรุ่นนี้สามารถรู้สึกถึงกลิ่นแพทชูลีที่เป็นกลิ่นฐานได้ค่อนข้างชัดกว่าแบบสเปรย์ อีกอย่างคือขวดสวยน่าพกพาอีกต่างหาก เป็นขวดแก้วทรงสี่เหลี่ยมมีลายสัมผัสด้านข้างแค่ถือก็รู้สึกดีแล้ว

Miss Dior EDT Roller Pearl 20ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior J’adore EDP Roller Pearl

.

Christian Dior J’adore Eau de Parfum Roller Pearl หรือหัวลูกกลิ้งขวด 20ml เปิดตัวมาปีไหนไม่รู้แต่คิดว่าเพิ่งมีไม่นานนี้ ส่วน J’adore EDP ปกติเปิดตัวมาปี 1999 เป็นน้ำหอมแนว Floral Fruity ที่เป็นกลิ่นหลักๆ เป็นดอกมะลิ กุหลาบ ดอกซ่อนกลิ่น ลูกแพร วนิลา และมักสก์ อะไรประมาณนั้นเพราะเห็นว่าโน๊ตของกลิ่นนี้มีเยอะมาก และก็เป็นกลิ่นที่มีชื่อเสียงกลิ่นหนึ่งของ Dior ด้วย แต่เคยลองขนาดทดลองมาก่อนนานมากแล้วจำได้ว่ากลิ่นแปลกๆ ไม่ชอบเท่าไหร่ ครั้งนี้เอามาลองอีกครั้งขอเอาแค่ขวดเล็กแบบลูกกลิ้งมาลองกลิ่นก่อนละกัน

กลิ่นเปิดมาหอมคล้ายผลไม้อะไรสักอย่างที่กลิ่นฉ่ำน้ำ ใส สดชื่นนิดๆ และเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีความโปร่งเบา และก็หวานที่ค่อนข้างฉ่ำไปพร้อมๆ กัน ในความหวานนั้นมีกลิ่นติดเขียวแบบใบไม้เขียวที่ไม่เชิงจะหอมลอยมาบางๆ แต่กลิ่นยังคงความหวานนุ่มนวล เป็นกลิ่นที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกถึงความสว่างไสว ของแสดงอาทิตย์กลางทุ่งดอกไม้ในป่ารกๆ ที่มีกลิ่นดินเปียก ความกลิ่นชื้นจากเปลือกไม้ลอยมารวมกับกลิ่นดอกไม้ในทุ่งชูดอกสีขาวในทุ่งหญ้านั้น มองไปถึงคนที่สวยหวาน มีความมั่นใจ ดูไม่สนใจอะไรแต่ก็พร้อมที่จะเปิดรับโอกาสใหม่ๆ และยังดูมีเสน่ห์เซ็กซี่นิด เป็นกลิ่นที่พอจะจินตนาการได้ประมาณนี้

กลิ่นรุ่น EDP นี้แปลก เหมือนไม่เข้ากับผิวของตัวบล็อกเองยังไงไม่รู้ ลองกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามันออกกลิ่นเขียวตุๆ แนวกลิ่นดินชื้นๆ เลอะๆ สกปรกอะไรประมาณนั้น แต่ถ้ามองผ่านกลิ่นเขียวแปลกนั้นไปก็หอมอยู่ เพียงแค่กลิ่นหอมหวานนั้นมันไม่สุด ดูทึบไปหน่อยถ้าคิดว่ากลิ่นนี้เป็นโน้ตของกลิ่นมะลิ แต่ก็ทำให้กลิ่นมันดูสุภาพ มีวุฒิภาวะขึ้นเลยละ

ความฟุ้งของกลิ่นนี้กระจายตัวดีทั้งช่วงแรก และช่วงกลางของกลิ่น ได้กลิ่นตีขึ้นมาให้รู้สึกตลอดเวลา ความทนของกลิ่นก็ดีอยู่ได้ 5-6 ชั่วโมง เป็นกลิ่นที่น่าจะใช้ได้ทุกช่วงเวลา และสถานที่ เพราะไม่ได้ดูว่ามีกลิ่นที่แรง หรือฉุ่นอะไร กลิ่นโดยรวมก็ดี ดูสุภาพ มีเสนห์นิดๆ อีกด้วย

J’adore Eau de Parfum Roller Pearl 20ml

.

.

ตอนแรกคิดว่าจะพอแค่ขวดเล็กเอามาลองกลิ่น แต่ก็ได้ขวดใหญ่มาจนได้ เป็นชุดของขวัญที่มีขวดสเปรย์แบบพกพาที่เติมน้ำหอมใหม่ได้มาด้วย ชุดนี้น่าจะออกมาหลายปีแล้วเพราะขวดเป็นเวอร์ชั่นก่อนปัจจุบันที่คอขวดยังคงเรียบๆ ไม่มีขอบโค้งเหมือนรุ่นใหม่ๆ และได้ลองกลิ่นของรุ่นขวดสเปรย์แล้วด้วยก็อยากบอกว่ามันคล้ายกัน แทบแยกไม่ออกถ้าโน๊ตไหนจะหายไปจากในรุ่น Roller Pearl ก็ถือว่ารุ่น Roller Pearl เป็นขวดขนาดพกพาที่พกไว้เติมระหว่างวันคู่กับรุ่นขวดสเปรย์นั่นเอง (รุ่น Roller Pearl ดูในเว็บน้ำหอมขึ้นว่ามีแค่โน้ตหลักๆ เท่านั้น โน๊ตส่วนใหญ่ที่มีในขวดสเปรย์ไม่มีระบุเลยก็ไม่รู้ว่าเชื่อได้ไหมนะเว็บนี้ ส่วนเว็บทางการของดิออร์เองก็แทบจะไม่บอกโน้ตอื่นๆ นอกจากโน๊ตหลักอยู่แล้วเลยไม่รู้ว่ายังไงละ)

J’adore EDP 100ml + 10ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Miss Dior Absolutely Blooming EDP

.

Miss Dior Absolutely Blooming EDP เปิดตัวมาปี 2016 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral Fruity ที่เป็นอีกด้านหนึ่งของ Miss Dior Blooming Bouquet ให้สัมผัสที่เซ็กซี่กว่า มีความทันสมัยในตัวเอง กลิ่นแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกกลิ่นแนวผลไม้เบอร์รี่ ต่อมากลิ่นกุหลาบ และพีโอนี ตบท้ายด้วยไวท์มักส์ ตามแบบฉบับ Miss Dior

กลิ่นเปิดมาหวาน ติดมันๆ ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นลิปสติก จากนั้นจะเป็นกลิ่นหอมดอกไม้ที่แน่นด้วยความหวานแบบกลิ่นน้ำตาลแต่ยังคงมีความเป็นกลิ่นแบบลิปสติกอยู่ ต่อจากนั้นจะเริ่มรู้สึกกลิ่นอมเปรี้ยวที่เหมือนเป็นกลิ่นใสของดอกไม้แทรกขึ้นมา บรรยายกลิ่นอีกนิดว่ากลิ่นรวมๆ เป็นกลิ่นหวานกลม แบบกลิ่นที่ไมเชิงจะรู้สึกสะอาด แต่รู้สึกแปลกที่กลิ่นมันมีความเป็นกลิ่น “มัน” แบบ Wax ที่ถูกความร้อนเลอะๆ แต่กลิ่นออกไปทางที่หอมนะ ไม่ใช่ไม่หอม หลังจากกลิ่นแห้งไปสักพักจะเป็นกลิ่นที่หวานอมเปรี้ยวแบบกลีบดอกไม้บางๆ ที่ให้กลิ่นแบบโดนัดไส้แยมสตรอเบอร์รี่บนผิว ใช่โดนัทแยมของดันกิ้นโดนัทถ้าให้เจาะจง

ความฟุ้งของกลิ่นนั้นช่วงแรกไปจนถึงช่วงกลางฟุ้งกระจายดีตามสไตล์ของเขา โดยที่กลิ่นช่วงกลางไปแล้วจะลดความกระจายตัวลงแล้วก็ให้กลิ่นกรุ่นๆ ไปจนจบกลิ่นรู้สึกประมาณ 5 ชั่วโมงได้ที่รู้สึกถึงกลิ่น หลังจากนั้นจะเป็นกลิ่นบางๆ ติดตัว

คิดว่ากลิ่นนี้จะเหมือนกับ Blooming Bouque แต่ไม่ใช่เลย กลิ่่นนั้นหอมหวานแบบเบาสบาย ใสๆ ไร้เดียงสา แต่กลิ่นนี้หอมตันๆ หวานตุๆ เหมือนความสาวขึ้น มีน้ำมีนวล อะไรแบบนั้น ทำเอา Blooming Bouque ดูเป็นกลิ่นธรรมดาเด็กๆ ไปเลย กลิ่นนี้บนผิวมันให้ความหวานมากกว่าบนพื้นผิวอื่น กลิ่นแน่นและฉ่ำ กลิ่นนี้จะคล้ายกับ Kenzo World EDP ให้อารมแบบเดียวกัน

Miss Dior Absolutely Blooming EDP 30ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#PerfumeFriday