Perfume Blog: ลองกลิ่น Dior Miss Dior Parfum [2024]

สวัสดีบล็อก! ห่างหายไปนานกับการเล่าเรื่องลองกลิ่นน้ำหอมอีกแล้ว วันนี้กลับมาพร้อมกับความตื่นเต้นที่จะได้ลองกลิ่น เพราะได้น้ำหอมกลิ่นใหม่ของ Dior ที่ยังไม่เข้าไทยมาลองกลิ่นก่อนที่จะมีโอกาสได้เจอตัวจริง กลิ่นนั้นคือ Miss Dior Parfum รุ่นใหม่ปี 2024 ที่เปิดตัววางจำหน่ายในบางประเทศมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว ได้แบบการ์ดน้ำหอม ขนาด 1ml มา 2 ชิ้น เลยตั้งใจจะเอามาลองกลิ่นเล่าลงบล็อกแบบรวดเร็วให้สมกับการตื่นเต้น

Miss Dior Parfum วางจำหน่ายทุกช่องทางในประเทศไทยวันที่ 17 เมษายน 2567 โดยมีงานเปิดตัวที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, มีจำหน่าย 3 ขนาด ได้แก่ 80ml ราคา 8,200.-, 50ml ราคา 6,500.- และ 35ml ราคา 4,300.-

Miss Dior Parfum เป็นกลิ่นที่ Francis Kukdjan ได้มานำเสนอใหม่อีกครั้งกับคอนเซ็ปต์ความเยาว์วัย และความเป็นผู้หญิงในยุคปัจจุบัน มีโน๊ตกลิ่นของ Mandarin, Jasmine, Wild Strawberries, Peaches, Apricots, Patchouli, Alaskan Cedar, Moss

กลิ่นเปิดมาแบบกลิ่นส้มหอมหวาน ปนกลิ่นพืช และพวกกลิ่นผลไม้ฉ่ำน้ำหวานฉ่ำ โดยที่มีกลิ่นหอมแนว Patchouli หวานคลอมากับกลิ่นสตรอเบอร์รี่ที่ไม่ใช่สตรอว์เบอร์รีสดใสอย่างที่คุ้นเคย แต่เป็นสตรอว์เบอร์รีป่าที่ให้กลิ่นหวานนุ่ม เหนอะๆ เขียวๆ ลอยๆ  ปนกลิ่นดอกไม้คละคลุ้งให้กลิ่นหอมหวานกลมเอกลักษณ์ ช่วงกลางของกลิ่นนั้นให้กลิ่นหอมนุ่มอบอุ่นแบบกลิ่น Amber และไม้หอมโปร่ง และยังคงมี Patchouli หวานๆ ที่ยังไม่หายไปไหนคลอมาตลอดเวลา ช่วงหลังของกลิ่นนั้นยังคงหวาน Patchouli ที่ออกไปทางเหนอะๆ มันๆ เหมือนกลิ่นเครื่องสำอางที่ดูสะอาดสะอ้าน อ่อนนุ่มไปจนจบกลิ่น เป็นแนวกลิ่นที่ค่อนข้างคุ้นเคยเลยกลิ่นของช่วงหลังแบบนี้

กลิ่นมันหอมดีเลยละ กลิ่นดูสดใส ดูเด็กกว่ารุ่น EDP อีก กลิ่นให้ความรู้สึกเหมือนเด็กวัยรุ่นที่มีวุฒิภาวะอะไรแบบนั้น เพราะกลิ่นมันไม่แน่น ไม่แรงเหมือนชื่อ Parfum ความเข้มข้นของกลิ่นหน่ะสิ กลิ่นมันหวานสดใส สว่างไสว ด้วยกลิ่นของส้ม สตรอว์เบอร์รี ดอกไม้อวล และ Patchouli หวานโดดเด่น ที่คล้ายกับกลิ่น Miss Dior รุ่นแรกๆ ที่เน้นกลุ่มสาวยุคใหม่มาก และให้อารมณ์ของ CoCo Mademoiselle จาก Chanel หน่อยๆ ด้วยในช่วงกลางไปถึงช่วงท้ายของกลิ่น ที่ให้กลิ่นหวานกลมเอกษณ์ของ Miss Dior แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือกลิ่นของไม้หอมโปร่งคลอในพื้นหลังที่ทำให้กลิ่นโดยรวมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนั่นละ

สรุปจากที่ได้ลองกลิ่นคร่าวๆ นั้นก็ได้ความเห็นว่า Miss Dior Parfum นั้นก็เป็น Miss Dior ที่กลับมาเป็นสาวอีกครั้งหลังจาก โตเป็นผู้ใหญ่สุขุมนุ่มลึกในรุ่น EDP ที่ปรับสูตรล่าสุดในรอบที่ผ่านมา ทำให้ Miss Dior Parfum 2024 นี้ น่าจะเหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่แทบจะทุกกลุ่มเลยก็ว่าได้ กลิ่นไม่ดูเด็กเกิน ไม่ดูวัยรุ่นไป ไม่ฟรุ้งฟริ้ง ไม่หวานจนเกินไปอย่างแนวน้ำหอมจากหลายๆ ยี่ห้อในปัจจุบันอีกด้วย แต่ปัญหาอยู่ที่ราคาจาก Dior ที่ปัจจุบันแพงมากๆ แพงอย่างกับน้ำหอม Niche เลย ถ้ามีโอกาสเก็บเงินทันก็จะรอเอามาเก็บสักขวดนึงด้วยละ

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: ลองกลิ่น DIOR J’Adore L’Or 2023

วันนี้จะมาเล่าเรื่องลองกลิ่นใหม่ของ J’Adore L’Or ที่เพิ่งเปิดตัวและวางขายไปเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา เป็น J’Adore กลิ่นใหม่ทีออกมาภายใต้การปรุงของ Francis Kurkdjian ทำให้ลุ้นถึงความแปลกใหม่ในกลิ่นขึ้นมาบ้าง โดยปกติตระกูล L’Or ที่ออกมาจะออกมาในขวดขนาด 50ml ในความเข้มข้นสูงที่ Dior ชอบเรียกว่า Essence de Parfum กับราคาที่แพงมาก กลิ่นที่ได้จะค่อนข้างหอมแรง แน่น ไปถึงฉุนเลยทีเดียว ทำให้รุ่นใหม่ปี 2023 นี้น่าสนใจว่ากลิ่นจะออกมาแนวไหน

Dior J’Adore L’Or ออกมาในปี 2023 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral มีโน้ตกลิ่นจาก Orange Blossom, Jasmine Grandiflorum, Centifolia Rose Absolutes ให้กลิ่นหอมเปล่งประกายอันทรงพลัง และน่าหลงดุจทองคำ

กลิ่นเปิดมาให้กลิ่นของมะลิฟูๆ เป็นกลิ่นมะลิที่ติดเขียวจนเหมือนได้กลิ่นก้าน และใบของมะลิที่เพิ่งเด็ดจากต้น เนื้อกลิ่นมีความชุ่มฉ่ำหวานจัดแทบจะแสบจมูก แนวกลิ่นดอกไม้สีขาวที่อัดแน่นในกลิ่น ในพื้นหลังนอกจากมีความเขียวสดชื่นแซมแล้ว ยังรู้สึกได้กลิ่นหวานเขียวแบบกลิ่นดอกส้มที่คลอมากับกลิ่นแป้งหอม แป้งชื้นๆ หอมสะอาด พร้อมกับกุหลาบที่ลอยอยู่บางๆ เสริมให้กลิ่นดูหอมสดชื่นโปร่งขึ้นไปอีก ช่วงกลางและท้ายของกลิ่นให้กลิ่นของมะลิฉ่ำแน่น ทึบ และอบอุ่นนวลเนียน ที่คุ้นมาก กลิ่นนั้นก็คือ Alien ของ Mugler ไม่ได้เหมือนเป๊ะ แต่ได้กลิ่นแล้วต้องนึกถึงแน่นอน กลิ่นมะลิที่ฉ่ำหวานระยิบระยับแทงจมูกแบบนี้

ลองกลิ่นแล้วก็บอกได้ว่านี่คือ J’adore แน่นอน ด้วยกลิ่นเขียวชื้น ฉ่ำ ตุ่นๆ ในพื้นหลัง มันช่างโดดเด่นเหลือเกิน พอๆ กับกลิ่นดอกไม้แบบดอกมะลิ ที่ชัดเจนแบบมองเห็นช่อดอกมะลิในหัว แต่ก็ไม่ได้เป็นมะลิร้อยมาลัยเหมือนของ Diptyque หรอกนะ เป็นมะลิที่ได้กลิ่นแล้วร่วมสมัย มีระดับ ดูหรูหรา โก้ ประมาณนั้น ชอบกลิ่นช่วงหลังที่ให้กลิ่นหอมแบบแป้งหอมชื้นๆ กับมะลิฉ่ำทึบ ที่ดูสะอาดสะอ้านดี

ถึงเปลี่ยนคนปรุงแต่ก็ไม่ทิ้งแนวกลิ่นดั้งเดิม แต่เพิ่มความหอมฉ่ำของดอกไม้อัดแน่น แต่กลับให้ความรู้สึกสว่างไสว โปร่งโล่ง ไม่ฉุ่นแน่นตามความเข้มข้นที่ออกมา แต่ก็เกือบๆ ฉุนละ ดอกไม้หอมแหลมแสบจมูกนิดๆ เลย แต่มันหอมก็เลยชินกลิ่นเร็ว ประสิทธิภาพความทนนั้นบอกไม่ได้เพราะแค่ลองกลิ่นกับ การ์ดน้ำหอม Sample แค่วันเดียวเท่านั้น ฉีดไปทำงาน 3-4 สเปรย์ กลิ่นก็ฟุ้งดีจนกลัวคนอื่นตกใจ กลิ่นระหว่างวันก็ยังคงกระจายตัวให้ได้กลิ่นในลมตลอด โดยช่วงเย็นกลิ่นบนเสื้อผ้ายังคงโชยแบบชัดเจน และติดข้ามวันบนเสื้ออีกด้วย ความทนเรียกว่าสมราคาเลย

สรุปมันหอมแน่นอน จะให้บอกอะไรอีก บอกหมดแล้วตามด้านบน และนึกเอาไว้เสมอๆ ว่าควรหาแบบแบ่งขาย หรือ การ์ด Sample มาลองก่อนว่าถูกใจอย่างที่คิดไหม บางคนบอกกลิ่นมันแรง บางคนบอกกลิ่นกำลังดี เพราะด้วยราคามันแรงม๊าก 50ml ราคา 8,450.- เลย ราคาแพงกว่ากลิ่นอื่น 100ml อีก เดี๋ยวจะเสียเงินเปล่า แต่หากชอบกลิ่นแบบนี้และมองหากลิ่นใกล้เคียงละก็ลองดูกลิ่นตระกูล Alien ของ Mugler ดูให้กลิ่นมะลิหวานรุนแรงโทนเดียวกัน ฟุ้ง และทนเหมือนกันอีกด้วย ราคาถูกว่าเยอะอีกต่างหาก

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: ลองกลิ่น Christian Dior DIORIVIERA EDP [2023]

ในที่สุดก็หามาลองกลิ่นได้กับ DIORIVIERA กลิ่นใหม่จาก DIOR ที่ออกมาในปีนี้ 2023 กลิ่นใหม่กลิ่นแรกจาก Francis Kukdjian ที่กลับมาใน DIOR มีโน๊ตกลิ่นมินิมอลแค่ Fig และ Rose เท่านั้นจากที่ระบุในเว็บทางการ ได้แรงบันดาลใจจากแสดงอาทิตย์ตก สัมผัสอบอุ่นจากไอแดดผ่านต้นมะเดื่อ และ สวนกุหลาบ ละไปกับชายฝั่ง French Riviera

สำหรับกลิ่นนี้จากดูรีวิวของต่างประเทศแล้วก็ทำได้แค่รอหาแซมเปิ้ลมาลองกลิ่นเท่านั้นเพื่อจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างที่เขารีวิวหรือไม่ หลังจากเปิดตัวในไทยก็ไม่มีแซมเปิ้ลหลุดออกมาเลย จนวันนี้ก็หาขวดจิ๋วมาลองกลิ่นได้สักที มาลองกลิ่นกันดีกว่า

กลิ่นเปิดมาแบบกลิ่นฟิกส์หอมหวานอมเปรี้ยว ที่มีกลิ่นติดเขียวคลอมาในพื้นหลัง เมื่อกลิ่นเริ่มแห้งเริ่มให้ความหวานที่เข้มข้นมากขึ้น เป็นความหวานของลูกฟิกซ์ที่หอมหวน นุ่มกลมกล่อมน่าสัมผัสมาก มีกลิ่นดอกไม้น่าจะเป็นกลิ่นกุหลาบแซมอยู่ในกลิ่นที่ทำให้กลิ่นดูหรูหรา ดูมีเนื้อสัมผัสฟูนุ่มฟรุ้งฟริ้งอย่างบอกไม่ถูก ความเขียวที่คลอในพื้นหลังก็รู้สึกว่าให้ความเข้มเขียวชัดขึ้นจนเหมือนกลิ่นกิ่งไม้สดที่ถูกหักออกจากต้นใหม่ๆ ส่งให้ช่วงกลางของกลิ่นนั้นมันดูนุ่มหวานละมุน สดชื่นด้วยกลิ่นฟิกส์อมเปรี้ยว กับกุหลาบกลมกล่อม และดูภูมิฐานด้วยกลิ่นเขียวคมๆ ในพื้นหลัง

หอมมาก หอมฟรุ้งฟริ้ง หอมพริ้วไหวที่สุดเท่าที่ลองกลิ่นของ MCD มา กลิ่นมันดูเหมือนจะไม่มีอะไร เป็นกลิ่นแนวลูกฟิกซ์หวาน เขียว ปนกลิ่นกุหลาบ ที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นยอดนิยมของ Diptyque อย่าง Philosykos แต่ถ้าได้อยู่กับกลิ่นมันสักพักจะรู้ว่าไม่ใช่เลย กลิ่นของ Dior มันมีมิติ มีความกลมกล่อม นุ่มละมุนมากกว่า ไม่แข็งทื่ออย่าง Diptyque ด้วย

จะบอกว่าผิดคาดจากการดูรีวิวของต่างประเทศที่ว่ากลิ่นนี้ไม่แปลกใหม่เท่าไหร่ ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันก็ไม่แปลกใหม่มาก แต่ใหม่พอที่จะติดอยู่ในหัวตั้งแต่ครั้งแรกที่ลอง ด้วยกลิ่นมันหอมมาก มีมิติของกลิ่นที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนตกไปอยู่ในขวดน้ำหอมเลย ให้กลิ่นหลักของลูกฟิกส์ อาจจะปนกับกลิ่นกิ่ง กลิ่นใบของลูกฟิกส์ด้วย ให้ภาพของความภูมิฐาน แต่ผ่อนคลายเป็นกันเองด้วยกลิ่นของกุหลาบที่ให้ความนุ่มของกลิ่นที่เบาบาง พริ้วอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว กลิ่นที่เข้ากับฤดูร้อน จนถึงเปลี่ยนเป็นฤดูฝน พร้อมกับความฟุ้งกระจาย และประสิทธิภาพที่สมกับเป็น MCD อีกด้วย เป็นกลิ่นแรกจาก Francis Kukdjian ที่ออกมาหลังจากไปอยู่ใน Dior ที่ไม่ผิดหวัง ทั้งๆ ที่ใช้โน๊ตกลิ่นแค่นิดเดียวเท่านั้น

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: ลองกลิ่น Giorgio Armani MY WAY Parfum

มาถึงกลิ่นสุดท้าย และกลิ่นใหม่ล่าสุดของ MY WAY ที่ออกมาในปี 2023 นี้เอง มาในความเข้มข้นของ Parfum ที่น่าจะเป็นกลิ่นที่เข้มข้น มีความนุ่มลึกของกลิ่นมากสุดในตระกูลละมั้ง เรียกว่าออกใหม่มาทุกปีมันก็ต้องเข้มข้นขึ้นบ้างละน่า

Giorgio Armani MY WAY Parfum ออกมาในปี 2023 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Sweet Floral และ Vanilla ให้สัมผัสของกลิ่นที่แตกต่างแต่ผสานกันอย่างลงตัวของความสดใสสว่างไสวของ Tuberose และความนุ่มละมุลอย่างน่าอัศจรรณ์ของ Iris Pallida มีโน๊ตกลิ่นของ Bergamot, Orange Flower, Tuberose, Iris, Cedarwood, Vanilla

กลิ่นเปิดมาให้กลิ่นหวานอุ่นเหมือนกลิ่นแสงอาทิตย์ที่ส่องมายามเช้าอุ่นๆ พร้อมกับกลิ่นเขียวเหนอะอมเปรี้ยว ตามมาด้วยกลิ่นแนวดอกไม้หวานหนักแน่นแบบกลิ่นของ Tuberrose ที่ให้สัมผัสคมๆ ของเครื่องเทศ และกลิ่นแนวฝุ่นบางเบาในพื้นหลัง ช่วงหลังของกลิ่นยังคงให้กลิ่นหวานเอียนปนกลิ่นเปรี้ยวแบบ Tuberose กับกลิ่นมักส์ และวนิลาเบาๆ คลอไปจนจบกลิ่น

MY WAY Parfum กลิ่นนี้น่าจะเป็นกลิ่นที่แตกต่างที่สุดจากชุด MY WAY เลย ให้กลิ่น Tuberose ที่แตกต่างไป โดยให้กลิ่นหวานแน่น หนัก มีความอมเปรี้ยวเอียนเหนอะๆ คล้ายกลิ่นพลาสติก มีความฝุ่นแป้งโทนเย็นนุ่มในพื้นหลังบางๆ ไม่มีความหวานกลม หรือหวานฉ่ำเหมือนรุ่นก่อนๆ แล้ว เป็นกลิ่นที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนมั่นใจขึ้น มีเหตุผล และเป็นตัวของตัวเองสูงเลยกลิ่นนี้ กลิ่นหรูที่ดูดีสุดๆ

กลิ่นนี้มันทำให้นึกถึงกลิ่นอะไรสักอย่างที่คุ้นเคย กลิ่นที่สะอาด โดยยังคงกลิ่นหอมหวานของ Tuberose เอกลักษณ์ของ MY WAY ไว้ไม่หายไปไหน เสริมกลิ่นให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยกลิ่นหอมเย็นของ Iris มีความสดชื่นที่กำลังดีด้วยกลิ่นแนวซีตรัส และความนุ่มสุขุมกับกลิ่นแนวไม้หอมในช่วงหลังของกลิ่น ส่วนตัวก็คิดว่ามันหอมดูดีเลยละ แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ค่อนข้างมาก กลิ่นดูเป็นการเป็นงาน ดูสวยดูหล่ออีกด้วย

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: ลองกลิ่น Giorgio Armani MY WAY EDP Floral

อาทิตย์นี้มาต่อกับ MY WAY รุ่นที่ 3 ที่ออกในปี 2022 ในรุ่น MY WAY Floral มาในขวดแก้วใสแบบขุ่น Frosted Glass แตกต่างจากรุ่น EDP เดิม ให้ภาพของความนุ่มละมุนเบาสบายของกลิ่นตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านโน้ตเลย จริงๆ ในปี 2022 นี้ MY WAY มีรุ่นพิเศษออกมาด้วยชื่อ MY WAY Nacre ที่น้ำหอมมีกลิตเตอร์ระยิบระยับ ออกมาให้เก็บสะสมกัน

Giorgio Armani MY WAY Floral ออกมาในปี 2022 ยังคงเป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ที่ให้กลิ่นของ Tuberose เป็นโน้ตหลัก โดยมีโน้ตกลิ่นของ Mandarin, Orange Blossom, Bitter Orange, Tuberose, Neroli, Vanilla, White Musk

กลิ่นนี้เปิดมาด้วยกลิ่นซีรัสสดชื่น แต่เป็นซีตัสคมๆ ติดหวานกมกลมกล่อมที่คลอมากับกลิ่นดอกไม้เบางเบา พร้อมกับกลิ่น Tuberose หวานกลมเอกลักษณ์ของ MY WAY แซมด้วยกลิ่นเขียวสดชื่นบางเบาในพื้นหลัง ในช่วงหลังกลิ่นซีตรัสแบบกลิ่นส้มจางลงจนเหลือแค่กลิ่นหอมหวานของ Tuberose ปนกลิ่นครีมแนววนิลาอ่อนๆ บนผิวไปจนจบกลิ่น

กลิ่นนี้ให้กลิ่นที่เบากว่า EDP เดิมพอสมควร มีกลิ่นซีตัสแบบส้มคมๆ ที่ทำให้กลิ่นโดยรวมดูสดชื่น สดใสกว่าเดิมมาก แต่ยังคงไม่ทิ้งกลิ่นหอมหวานกลมกล่อมของ Tuberose ตามสไตล์ ที่ยังคงให้ภาพของ MY WAY อยู่ชัดเจน

ในรุ่น Floral นี้ก็ยังเป็นกลิ่นที่หอมเหมือนเดิม และหอมสดชื่นเบาสบายขึ้นอีกด้วย เป็นรุ่นต่อยอดที่ให้ความเหมือนที่แตกต่าง เหมาะสำหรับอากาศร้อนๆ หรือคนที่ไม่ชอบกลิ่นหวานจัดอย่างรุ่น EDP เดิมอีกด้วย แต่มีข้อสังเกตตรงที่ กลิ่น Floral นี้ บังเอิญลองกลิ่นที่ผิว และที่เสื้อผ้า กลิ่นบนผิวนั้นให้กลิ่นหวานนำแบบ EDP แต่กลิ่นบนเสื้อผ้านั้นให้กลิ่นซีตรัสคมๆ ติดขมสดชื่นของกลิ่นช่วงต้นชัดและยาวนานกว่าบนผิวมาก และยาวไปจนช่วงกลางกลิ่นด้วย พอรวมกับ Tuberose หวานๆ แล้วมันหอมแนวสบู่หน่อยๆ น่ากินมาก และทำให้กลิ่นติดทนกว่าบนผิวไปอีก รวมๆ แล้วชอบรุ่น Floral มากกว่ารุ่นเดิมอีกนะ

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: ลองกลิ่น Dior Hypnotic Poison Eau Secrete EDT 100ml Tester [2013]

Dior Hypnotic Poison Eau Secrete ออกมาช่วงต้นปี 2013 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Amber Floral ให้กลิ่นที่ปลุกเร้าความ Sexy ในตัวหญิงสาว สร้างความตราตรึงน่าหลงใหล มีโน๊ตกลิ่นของ Sicilian Mandarin, Orange, Calabria Bergamot, Sambac Jasmine, Tunisian Neroli, Vanilla

Hypnotic Poison Eau Secrete ขวดนี้อยู่ใน Wish List กลิ่นที่ต้องหามาเก็บใน Collection Poison ให้ได้ ด้วยความที่มันเป็นกลิ่นที่อายุสั้น อยู่ไม่นานก็เลิกผลิตทำให้มันหายาก และแพงมาก ทำได้แค่คอยดูตามเว็บ ตามเพจเผื่อมีหลงมาบ้าง ปีก่อนเจอหลงมาในกลุ่มน้ำหอม 1 ขวด ลงขายเป็นน้ำหอมก้นขวดขวดหลักร้อย แต่กดซื้อไม่ทันทำให้เสียดายมาก แต่โอกาสก็วนกลับมาอีกครั้งคราวนี้ประสบความสำเร็จหามาจนได้ 1 ขวด

ขวดนี้ได้มาเป็นขวด Tester ปริมาณน้ำหอมเรียกว่าน่าจะเต็มขวด ตัวขวดเป็นทรงสูงยาวดูแปลกพิลึก จะว่าคล้ายขวดรุ่นดั้งเดิมก็คล้าย แต่ไม่เหมือนเป๊ะ ด้วยตัวขวดที่หนากว่ามาก สภาพขวดก็เนียนสวย ใหม่เอี่ยม ไม่มีสีลอก ไม่มีรอยอะไรเลย น่ายเสียดายที่ไม่มีกล่องมาด้วยไม่งั้นครบชุดสวยๆ ขวดนี้ Batch Code: 3U01 ผลิตปี 2013 เดือน 7 เกือบ 10 ปีแล้วนะเนี่ย ออกจำหน่ายช่วงต้นปี 2013 แต่หาข้อมูลไม่เจอว่าเลิกผลิตปีไหนเหมือนกัน เป็นกลิ่นที่อายุสั้นจริงๆ ต่อไปมาลองกลิ่นกันดีกว่า

กลิ่นเปิดให้กลิ่นซีตรัส แบบเปลือกส้มหอมหวานสดชื่น แต่มีความครีมมี่หอมเย็นนวลอบอวล กลิ่นในพื้นหลังมีความขมแห้งติดเขียวบางๆ พร้อมกับกลิ่นวนิลลาหอมเนียนแห้งๆ คลอมากับกลิ่น ยิ่งผ่านไปกลิ่นวนิลายิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความหวานเอียนหน่อยให้อารมณ์ Hypnotic Poison EDT ใช้ได้เลย ช่วงกลางของกลิ่นไปจะให้ความรู้สึกของกลิ่นวนิลาฝุ่นๆ อวบอวลฟุ้งๆ ที่มีกลิ่นเขียวติดขมคมๆ ในพื้นหลังยาวไปจนจบกลิ่น

แปลกดีสำหรับกลิ่นนี้ ตอนแรกคิดว่าจะมาโทนกลิ่นแน่นๆ เหมือนกับต้นฉบับซะอีก แต่กลับกลายเป็นว่า Eau Secrete นั้นออกแนววนิลา-ส้ม สดชื่นไปคนละทางกับต้นฉบับพอสมควร แต่ยังคงทำให้นึกถึงต้นฉบับอยู่บ้างกับกลิ่นวนิลาแห้งๆ ผสมกลิ่นดอกไม้อย่าง Jasmine และ Neroli  ที่ให้กลิ่นหวานอวล ฟุ้งๆ ดูฉุนหน่อยแบบนั้น

สำหรับประสิทธิภาพนั้นบอกอะไรมากไม่ได้เพราะไม่อยากเอาไปใช้งานจริงเสียดายไม่อยากฉีดเยอะ แต่จากที่ลองกลิ่นนั้น กลิ่นค่อนข้างกระจายตัวดีในช่วงแรกๆ ผ่านไปสักชั่วโมงกลิ่นก็ไม่กระจายตัวสักเท่าไหร่แล้ว หลังจากนี้กลิ่นจะลอยอยู่แค่ๆ รอบตัว ติดผิวซะมากกว่า ให้กลิ่นหวานๆ และหอมวนิลาฟุ้งๆ ติดตัว แต่มันติดตัวนานอยู่นะอยู่ได้เกือบทั้งวันเท่าที่รู้สึก เพียงแค่มันไม่ฟุ้งเท่าพี่ๆ เขาเท่านั้นเอง

กลิ่นนี้เป็นกลิ่นในตระกูล Hypnotic Poison ที่พลังเบาบางกว่าเขาเพื่อน แต่ก็ให้กลิ่นหอมสดชื่น และดูใช้งานง่ายกว่าเขาเพื่อนอีกเหมือนกัน ให้กลิ่นหอมหวานอบอวลของวนิลา และ Jasmine ไม่ทิ้งลายต้นฉบับ แต่ให้ความต่างด้วยความสดชื่นจากกลิ่นซีตรัส และ Neroli เพิ่มเข้ามา ก็ถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างในตระกูล Hypnotic Poison แต่ก็นั่นละ กลิ่นนี้เลิกผลิตไปแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะกลิ่นมันดูค่อนข้างธรรมดามาก จริงๆ ก็ดูไม่เข้าพวกนั่นละเลยอายุสั้น เหมือนรุ่นพี่ที่เลิกผลิตไป

ส่วนตัวบล็อกนั้นไม่เสียดายที่เอามาเก็บเลย เป็นหนึ่งในกลิ่น Poison ที่อายุสั้น และหาขวดสภาพสมบูรณ์มาเก็บยากอีกกลิ่น ยังไงก็ต้องมีบนชั้นสักขวดละ หน้าตาก็แปลกกว่าเขา กลิ่นก็ไม่เข้าพวก แบบนี้ยิ่งต้องเอามาเก็บ แล้วก็เหลืออีกกลิ่นที่ยังหาไม่ได้คือ Hypnotic Poison Eau Sensuelle รุ่นที่ที่ออกมาก่อน ยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลยสักครั้ง ไว้มีโอกาสเจอจะเอามาเล่าให้อ่านกันต่อไป

Dior Hypnotic Poison Eau Secrete EDT 100ml Tester [2013]

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Vintage Perfume Haul [2023 – Part 2] [Christian Dior – Poison, Tendre Poison, Poison Girl, Dune, Forever and Ever, I love Dior]

Vintage Monday อาทิตย์นี้มาต่อกับ Vintage Perfume Haul Part 2 ของน้ำหอมที่เลือกเก็บเอามาสะสมช่วงปีที่ผ่านมา บล็อกครั้งนี้เป็นของ Christian Dior ล้วนเลย เพราะเน้นเก็บของ Dior เป็นหลักนั่นเอง ระหว่างปีก็มีหยิบขายแก้ร้อนไปบ้าง มาดูกันว่าเหลืออะไรเก็บสะสมอยู่บ้าง

ชุดแรกนี้เป็นขวดที่เพิ่งได้มาไม่กี่วันนี้ก็ว่าได้ ขวดที่ตื่นเต้นที่สุดก็เป็น Hypnotic Poison Eau Secrete ขวด Tester 100ml น้ำหอมเกือบเต็มขวดที่ได้มาแบบบังเอิญที่สุด แบบที่มันคงต้องมาอยู่กับเราเพราะโพสลงขายมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วไม่มีสนใจมันเลย แบบนี้เขาเรียกพรมลิขิต อีกขวดก็เป็นขวดโลชั่นของ Hypnotic Poison ที่รู้สึกว่าจะหาซื้อยากเพราะเหมือนจะไม่มีขายทั่วไปในไทย ชอบตรงที่เป็นรูปร่างขวดแบบ Vintage Poison เลย แถมเป็นขนาดใหญ่ 200ml ด้วย ตัวจริงสวยมากๆ จับเต็มไม้เต็มมือ ขวดนี้ยังมีโลชั่นเหลือเกือบเต็ม ยังไม่หมดอายุ กลิ่นก็เป็นกลิ่นของ Hypnotic Poison เลย กลิ่นจะออกนวลๆ เบาๆ หน่อย และมีพวกผงไมก้าระยิบระยับติดหลังทาด้วย ไม่ชอบเลยเหมือนตัวตกสะเก็ด

Dior Hypnotic Poison Eau Secrete EDT 100ml Tester

Dior Hypnotic Poison Lait Satine Pour Le Corps Silky Body Lotion 200ml

ต่อเป็นเป็นขวดเปล่าของ Poison EDT ขวด Splash จุกแก้วแบบแต้ม ได้มาราคาไม่แพง 2 ขวด และก็ได้ Tendre Poison มาเพิ่มอีก 2 ขวดเหมือนกัน ขวดแรกเป็นขวดใหญ่เบิ้ม 100ml สภาพดีมาก น้ำหอมเหลือเกือบๆ ครึ่งขวด โชคดีมากที่ได้ไซส์นี้มาเก็บเพราะหายากเหมือนกัน อีกขวดเป็นขนาด 50ml สภาพพอใช้ น้ำหอมเหลือพอประมาณ มาพร้อมกล่องสภาพพอเป็นกล่องได้อยู่ ก็เอามาเก็บอีกขวด เพราะไม่เสียหายอะไรถ้าจะมี Dior Poison มาเก็บเยอะกี่ขวดก็ได้

Christian Dior Poison EDT 50ml Splash

Christian Dior Tendre Poison EDT 100ml

Christian Dior Tendre Poison EDT 50ml

ชุดต่อมาเหมือนจะเป็นโชคดีที่เขาจะมาอยู่กับเรา เพราะได้ Tendre Poison ขวด 100ml มาอีกขวด เป็นขวด Tester ที่มาพร้อมกล่อง Tester รุ่นเก่า น้ำหอมเต็มขวดอีกด้วย สุดยอดมากๆ ราคาก็สุดยอดเช่นกัน แต่มาครบชุดเนียนเกริบแบบนี้ยังไงก็ต้องเอามาเก็บละ

Tendre Poison อีกขวดได้มาแค่ขวด เป็นขวดรูปร่างสูงยาวเรียว รูปร่างแปลกที่ไม่เคยเห็นทั่วไป แต่เคยเห็นผ่านตามาบ้าง มันเป็นขวดของรุ่น Refillable Natural Spray หรือขวดรีฟิลนั่นเอง หายากมากๆ และ Dune EDT 50ml ขวดจุกแก้ว น้ำหอมเกือบเต็มขวด สภาพสวย พร้อมกล่องสภาพดี เป็นอีกกลิ่นที่ขวดแปลกแต่สวยดูมีลายเส้นน่ามอง

Christian Dior Tendre Poison EDT 100ml Tester

Christian Dior Tendre Poison Refillable Natural Spray EDT 75ml + ภาพปลอกด้านนอกของรุ่นนี้จาก Internet

Christian Dior Dune EDT 50ml Splash

แถมกับขวดเล็กๆ มีทั้งมาเป็นชุด และแบบแยกกล่องยังคงเน้นเป็น Tendre Poison อยู่ แบบขวดสเปรย์ขนาด 7ml นั้นน่าจะมาจากชุด Christian Dior Voyage Set รวมกลิ่นของสมัยนั้น มีขวดจุกแก้วของ Poison ขนาดไม่ค่อยเจอ 15ml และ ขวดสเปรย์พกพา ของ Poisonและ Dune

La Collection Exclusive Christian Dior 5ml x5

Christian Dior Forever and Ever EDT 5ml, Tendre Poison EDT 5ml, Pure Poison 7ml

Christian Dior I Love Dior EDT 5ml

Christian Dior Poison Esprit de Parfum 15ml

Christian Dior Poison EDT 7.5ml Purse Spray

Christian Dior Dune EDT 15ml

ตบท้ายด้วยกลิ่นที่ไม่ Vintage สักเท่าไหร่ แต่ก็อยู่ใน Theme จาก Dior นั่นก็คือ Poison Girl Edp ขวด 100ml เหลือครึ่งขวดเอามาไว้ใช้งานเพราะชอบกลิ่นของรุ่น EDP มากๆ หอมน่ากิน น่าดมสุดๆ กลิ่นไม่โบราณใช้งานจริงได้ดี และขวด Roller Pearl ของ Poison Girl รุ่น EDT เอามาเก็บเพราะขวดรุ่นนี้ไม่มีขายทั่วไป หาซื้อยาก ขวดนี้ก็ได้แบบกล่อง Tester มา ตัวจริงสวยดี สวยกว่าขวดของ Miss Dior Roller Pearl อีก

Dior Poison Girl EDP 100ml Tester

Dior Poison Girl EDT 20ml Roller Pearl

Perfume Blog: Vintage Perfume Haul [2023 – Part 1][Christian Dior + CHANEL][Diorissimo, Miss Dior, Poison, Tendre Poison, Jules, Miss Dior Cherie, Allure, No19, Cristalle, Pour Monsieur]

สวัสดีบล็อก! ห่างหายไปนานกับบล็อกน้ำหอมเก่าที่ได้มาเก็บสะสม วันนี้ได้โอกาสรวบยอดน้ำหอมเก่าสวยๆ ในช่วงรอบปีที่ผ่านมาว่าได้กลิ่นไหนมาบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่กับ 2 แบรนด์หลักที่ชอบนั่นก็คือ Christian Dior และ CHANEL ละ

เริ่มต้นด้วย Christian Dior แบรนด์รักของบล็อก ช่วงที่ผ่านมาคอยตามเก็บ Poison ที่ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดๆ เน้นตัว Tendre Poison เป็นหลัก ไม่รู้ทำไมว่าตัวบล็อกเองจะหมกมุ่นกับ Tendre Poison มากนัก คงเพราะเป็น Poison ที่เลิกผลิตไป และยังคงหามาเก็บได้ละมั้ง ส่วน Midnight Poison นั้น ก็หาแต่ไม่หวังมากเท่าไหร่ ด้วยความหายาก และราคาสูง เล่ามาซะยาวมาดูขวดที่ได้มากันดีกว่า

ขวดแรกเป็น Poison แบบ Cologne แบบขวดแก้วขนาด 50ml ขวดนี้ได้มาแบบขวดเปล่าจากร้านมือสอง หายากแต่ก็โชคดีที่ไปเจอ ต่อมาเป็น Poison 50ml ขวดสเปรย์ที่เหลือเกือบครึ่งขวด ได้จากในกลุ่ม Facebook เห็นราคาไม่แพงก็ไม่เสียหายที่จะเอามาเก็บไว้ ต่อมา Tendre Poison 30ml ขวดเล็กน้ำหอมเกือบครึ่งขวด ได้มากจากโกดังญี่ปุ่น ตอนไปเจอวางโดดเดียวอยู่ขวดเดียวสภาพฝุ่นเขรอะถึงว่าไม่มีใครอยากได้ แต่เราสามารถทำให้มันดูใหม่เองได้ง่ายๆ แถมราคาไม่แพงด้วย ขวดต่อไป Tendre Poison ขวดจุกแก้วแบบแต้ม ขนาด 100ml ไซส์นี้หายากมาก ได้มาราคาก็แพงอยู่สภาพพอใช้ มีรอยขูดขีดบนขวดเยอะหน่อย แต่เอาไว้ก่อนกันเหนียว ต่อมาเป็น Miss Dior ขวดแต้มฝาเกลียวรุ่นเก่ามาก ไซส์ 57ml จากโกดังญี่ปุ่น ราคาค่อนข้างแพงแต่ดูจากสภาพ และปริมาณน้ำหอมแล้วก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ ได้มาเก็บ 1 ขวด ต่อมาเป็น Miss Dior ไซส์ 7.5ml แบบ Parfum 2 ขวด แต่เป็นขวดรูปร่างเสาโรมัน ที่เป็นรุ่นเก่า หน้าตารุ่นก่อนหน้าที่เคยเห็นขวด 7.5ml ทั่วไป ต่อมาเป็น Miss Dior Cherie 50ml ขวดเปล่า จริงๆ ได้มาเป็นน้ำหอมก้นขวดจากในกลุ่ม เอามาเก็บให้ครบๆ รุ่น ขวดสุดท้าย Jules EDT 7ml กลิ่นที่ไม่เคยลองมาก่อน ได้เห็นตัวจริงครั้งแรกถึงจะเป็นแค่ขวดจิ๋วก็เถอะ

Christian Dior Poison Eau de Cologne 50ml

Christian Dior Poison EDT 50ml

Christian Dior Tendre Poison EDT 30ml

Christian Dior Tendre Poison EDT 100ml Splash

Christian Dior Miss Dior EDT 57ml Splash

Christian Dior Miss Dior Parfum 7.5ml

Christian Dior Miss Dior Parfum 7.5ml

Christian Dior Miss Dior Cherie 50ml

Christian Dior Jules Edt 7ml

ชุดต่อไปเป็นกลิ่น Diorissimo จาก Christian Dior กลิ่นยอดฮิต กลิ่นยอดนิยมจากโกดังญี่ปุ่น กลิ่นนี้เจอบ่อยมากๆ ตามร้านมือสอง ขวดมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายขนาดมาก ที่ญี่ปุ่นในยุคนั้นคงจะชอบกันมากจริงๆ

หลายขวดของ Diorissimo ที่เลือกมาเก็บครั้งนี้จะเป็นขวดที่ไม่ค่อยเจอ ขนาดที่แปลกหน่อย ขวดแรกเป็นขวดสเปรย์ EDT เป็นรุ่นที่มีแค่ตัวหนังสือสีขาวสกรีนบนขวด ในขนาด 100ml ที่ไม่เจอบ่อย ได้จากโกดังญี่ปุ่นในราคาที่ยังไงก็ต้องหยิบไว้ก่อน ขวดต่อมาเป็นความเข้มข้นแบบ Parfum ขนาด 15ml ในขวดจุกแก้วแบบแต้มรูปร่างดั้งเดิมคลาสสิค ได้มาพร้อมกล่องสภาพดีมากๆ อีกด้วย ขวดนี้แย่งซื้อมาในเพจน้ำหอมเพจนึงสนุกดี ต่อมาเป็นขวดเล็กรูปร่างคุ้นเคย ความเข้มข้น Parfum แต่มาในขนาด 3.5ml ขวดสั้นกว่าแบบขวด 7.5ml ที่คุ้นตา ได้มาพร้อมกล่องสมบูรณ์มาก ขวดสุดท้ายเป็นแบบปลอกน้ำหอมโลหะแบบพกพา รูปร่างแปลกพิลึก ไม่สวยเท่าไหร่ดูเชยๆ ด้วย ขนาด 10ml แต่ที่สำคัญเป็นความเข้มข้นแบบ Esprit De Parfum ที่ไม่ค่อยเจอ ขวดนี้หาวิธีแกะดูปริมาณน้ำหอมด้านในไม่ได้ แต่ก็มาพร้อมกล่องเนียนๆ เลย

Christian Dior Diorissimo EDT 100ml

Christian Dior Diorissimo Parfum 15ml

Christian Dior Diorissimo Parfum 3.5ml

Christian Dior Diorissimo Esprit De Parfum 10ml

ต่อไปเป็นน้ำหอมจาก CHANEL ได้มานิดหน่อย เพราะไม่ค่อยชอบรูปร่างขวดของค่ายนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นขวดทรงกระบอก ตรงๆ ทือๆ สไตล์โมเดิร์นตามยุคสมัย เลือกมาเฉพาะกลิ่น และรุ่นที่ชอบจริงๆ เอามาเก็บสำหรับค่ายนี้

ขวดแรกนั้นคือ Cristalle EDT ไซส์แปลก 60ml เป็นอีกกลิ่นที่กำลังจะ Discontinued ในเร็วๆ นี้ ได้รุ่นเก่ามาเก็บ 1 ขวด ต่อมา Pour Monsieur EDT Concentree ขวด 30ml ไซส์เล็กน่ารักดี ต่อไปเป็นน้ำหอมแบบ Purse Spray หรือแบบพกพาจาก CHANEL ในหน้าตาเก่าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Twist and Spray ที่มีในปัจจุบัน ได้กลิ่น Allure กับ N°19 แบบขวด Tester ขนาด 15ml มาอย่างละขวด ส่วนขวดสุดท้ายเป็น Allure Parfum 7.5ml ในขวดโลหะพกพา เป็นหน้าตาขวดพกพาที่สวย และหรูสุดจาก CHANEL ในครั้งนี้

CHANEL Cristalle EDT 60ml

CHANEL Pour Monsieur EDT Concentree 30ml

CHANEL Allure EDT, N°19 EDT 15ml Purse Spray

CHANEL Allure Parfum 7.5ml Purse Spray

Perfume Blog: ลองกลิ่น THE ORIGINAL TRILOGY – Christian Dior Eau Noire, Cologne Blanche และ Bois D’Argent 2022

ครั้งนี้จะมาลองกลิ่นน้ำหอมใหม่ ที่ไม่เชิงจะเป็นกลิ่นใหม่ แต่เป็นกลิ่นที่หายจากเคาน์เตอร์ไปนานกลิ่นนึง นั่นคือ Eau Noire จาก Christian Dior โดยถูกนำกลับมาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ผู้สร้างกลิ่นนี้อย่าง Francis Kurkdjian นั้นได้กลับมาเป็น Perfume Creation Director ในปลายปี 2021 ที่ผ่านมา โดยช่วงต้นปี 2022 ก็มีชุดเซ็ตกลิ่น 3 กลิ่น ที่รวม Eau Noire ออกมาเป็นรุ่น Limited จาก Francis Kurkdjian ทั้ง 3 กลิ่นเป็นชุดกลิ่นที่แสดงถึงความสง่างาม และแสดงความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมในโน๊ตกลิ่น อย่างโน๊ตของ Lavender, Orange Blossom และ Iris

ชุดกลิ่น 3 กลิ่น ที่ชื่อว่า THE ORIGINAL TRILOGY – LIMITED EDITION ประกอบด้วยกลิ่น Eau Noire, Cologne Blanche และ Bois D’Argent มาในขวดขนาด 40ml ชุดนี้ในเว็บของ Dior ก็ประมาณ 11,000.- บาท เป็นราคาตอนที่วางจำหน่ายเมื่อต้นปี 2021 ตอนนี้ชุดนี้น่าจะไม่มีจำหน่ายแล้วแล้ว แต่จะมีจำหน่ายแยกเป็นกลิ่นในขนาดปกติทั้ง 3 ขนาดแทน

ทั้ง 3 กลิ่นที่บล็อกได้มาเป็นแบบขวด Miniature ขนาด 7.5ml ตามเก็บมาทีละขวดตั้งแต่ปีก่อน จนตอนนี้ครบชุดแล้วก็ได้โอกาสเอามาลองกลิ่นลงให้อ่านกัน เรามาลองกลิ่นกันดีกว่า

Christian Dior Bois D’Argent EDP

เปิดมาแบบกลิ่น Iris นวลเนียน พร้อมกลิ่นหอมบางเบาที่ให้สัมผัสของกลิ่นแบบ Musk ในพื้นหลังแบบที่กลิ่นดูชื้นฉ่ำแบบผ้ากำมะหยี่นุ่ม ตามด้วยกลิ่นหอมเครื่องเทศหอมซ่าเบาๆ เสริมให้กลิ่น Iris และ Musk ดูมีมิติไม่นุ่มจนเกินไป มันเป็นกลิ่นที่หอมเย็น หวานนวลเบา ติดเครื่องเทศจางๆ อารมณ์แบบนี้ไปจนจบกลิ่น

กลิ่นนี้ให้กลิ่นที่หอมเบา เบาและบางเฉียบที่สุดในชุดเลย  เป็นกลิ่นละมุน หรูหราเหมือนกัน ได้กลิ่นแล้วนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา บอกไม่ถูก กลิ่นมันนุ่มเบาเหมือนขนนก ปุกปุยเหมือนนุ่น สะอาดเหมือนผ้าปูที่นอนใหม่อะไรแบบนั้น จะว่าไปกลิ่นโดยรวมกันก็เหมือนกับพวกกลิ่นใบชาที่หอมเย็นติดซ่านิดๆ ในท้ายกลิ่นด้วย หอมดีจริงๆ กลิ่นนี้

เป็นอีกลิ่นที่ให้กลิ่นดี สมกับที่เลือกมาไว้ในชุดกลิ่นนี้ แต่เสียดายที่กลิ่นมันไม่ค่อยฟุ้งสักเท่าไหร่ ออกแนวกลิ่นติดตัวที่แรงหน่อย แต่ไม่แรงพอที่จะกระจายออกไปไกล ทำให้กลิ่นมันค่อนข้างจะจางหายไปเร็วตามช่วงเวลาที่ผ่านไป คิดว่าไม่สมราคาสักเท่าไหร่

สำหรับกลิ่นที่รู้สึกว่าคล้ายกับกลิ่นนี้ก็ Amber Niute จาก Dior เหมือนกัน ให้กลิ่นที่คล้ายในช่วงกลางกลิ่นไปแล้ว แถมกลิ่นแรงติดทนกว่าด้วย อีกกลิ่นที่นึกถึงก็ Diptyque Fleur de Peau ที่ให้กลิ่น Iris แนวหอมเย็นในช่วงต้นคล้ายกัน แต่ Diptyque ให้กลิ่นที่แรงกว่า หอมเย็นสะใจกว่า และติดทนกว่าอีกด้วย

Christian Dior Cologne Blanche EDP

เปิดกลิ่นมาแบบกลิ่นหอมหวานแนวส้ม กับกลิ่นเครื่องเทศเอียนๆ มาพร้อมกับความนวล ให้อารมณ์แป้งหอมเนื้อแน่นหนัก รวมกันแล้วเป็นกลิ่นที่หอมหวานเอียนแปลก มีความขมจางๆ แบบกลิ่นหวานขมนวลของ Almond ที่คุ้นเคยแทรกมาในพื้นหลัง เมื่อผ่านช่วงแรกไปสักพักให้กลิ่นที่หอมเย็น แนวแป้งหอมฟุ้งๆ หวานแห้งแบบกลิ่นวนิลาขมที่ให้ความรู้สึกสะอาด

กลิ่นสะอาดๆ หอมหรู ที่ไม่เหมือนกลิ่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แต่เหมือน “กลิ่นเครื่องสำอาง” มากกว่า กลิ่นหอมดีมาก หอมเย็นติดหวานที่แปลกมีเสน่ห์ คงเป็นเพราะกลิน Almond ในพื้นหลังที่ทำให้รู้สึกหนึบๆ มันๆ เหมือนกลิ่นดินปั้นอะไรสักอย่าง อาจจะดูเป็นกลิ่นแปลก กลิ่นสารเคมีถ้าไม่คุ้นกับกลิ่นแบบนี้ ส่วนตัวชอบกลิ่นหวานติดขมแบบนี้ เหมือนกลิ่นใน Hypnotic Poison ที่ตัดความหวานเลี่ยนออกไป ลงตัวดี

โดยรวมให้กลิ่นหอมแนวแป้ง หอมเย็น กลิ่นสะอาด มีกลิ่นส้มแซมบางๆ พอสดชื่นไม่แป้งเกินไป ตบท้ายด้วยกลิ่น Almond โดดออกมาพาให้ดูเป็นคนสำอางค์ ให้กลิ่นแบนนี้ไปจนจบกลิ่น แต่ไม่รู้สึกถึง Vanilla สักเท่าไหร่คงรวมๆ อยู่ในกลิ่นนั่นละ กลิ่นนี้เหมาะกับใช้เป็นกลิ่นติดตัวสุดกลิ่นดูสะอาดตลอดเวลา และเหมาะกับอากาศร้อนด้วยไม่ฉุน

Christian Dior Eau Noire EDP

กลิ่นเปิดมาแบบกลิ่นสมุนไพร กลิ่นรากไม้แห้งๆ ขม หวาน เค็มๆ มีกลิ่นไหม้แบบกลิ่นกาแฟ ผสมปนเป แบบน่าสับสนในกลิ่นเปิด ทิ้งให้กลิ่นแห้งไปสักพักกลิ่นเปิดแรงๆ เริ่มจางลงแต่ยังคงไว้ในกลิ่นสมุนไพรขม ติดกลิ่นกองไฟไหม้ๆ คล้ายกลิ่นไม้ติดไฟหอมคมๆ ของกลิ่นไม้ช่วงไฟใกล้จะมอด ผ่านไปช่วงกลางของกลิ่นนั้นกลิ่นจะเริ่มนุ่มขึ้น และแทรกด้วยกลิ่นแนวดอกไม้ขรึม กับกลิ่นแผ่นหนังหน่อยๆ จะว่าหอมก็หอมนั่นแหละ หอมแบบมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

กลิ่นแปลกดี ให้ความสับสนในกลิ่นว่ามันจะหอม หรือจะไม่หอมดี ให้กลิ่นหอมแนวสมุนไพร เครื่องเทศแห้ง ติดเขียว มีความขม-หวานแปลกแบบน่าสนใจ แต่ไม่ฉุนกลับรู้สึกโล่งด้วยกลิ่นคมๆ ขมๆ แบบกลินเมล็ดกาแฟไหม้ และกลิ่นเครื่องแกงกะหรี่บางๆ หอมชัดเจนในช่วงหลังของกลิ่น

ถึงอย่างนั้นกลิ่นก็ไม่เหมือนไปกินแกงกะหรี่มาแบบ Eau Noire น้ำเขียว ปี 2004 กลิ่นรุ่นใหม่นี้ให้ความสดชื่นแบบแยกออกว่าเป็นกลิ่นน้ำหอม ให้กลิ่นแนวน้ำหอม Woody ชัดขึ้นดูขรึมขึ้น เท่ห์ขึ้นเยอะ

ในกลิ่นเก่านั้น เปิดมาหอมแนวสมุนไพรอมเปรี้ยว ติดเขียวสดชื่นโดดเด่น อย่างกับเด็ดกิ่งสมุนไพรมาดมอย่างนั้น กลิ่นหอมเข้มติดขมในพื้นหลัง ปล่อยให้กลิ่นแห้งผ่านไปสักพักจะรู้สึกถึงความเป็นกลิ่นเครื่องเทศแกงกะหรี่ เค็ม หวาน แต่หอมเย็นของ Lavender แซมกลิ่นไม้แห้ง กับกลิ่นหนังแข็งๆ อย่างกับกลิ่นตู้เก็บเครื่องปรุงในห้องครัวอย่างนั้นละ ช่วงหลังของกลิ่นที่ให้กลิ่นสมุนไพร-เครื่องเทศอ่อนนุ่ม โปร่งใส แต่ก็ยังคงให้อารมณ์กลิ่นแกงกะหรี่อยู่

ส่วนตัวพอเอาทั้ง 2 รุ่นมาลองกลิ่นพร้อมกันแล้วชอบกลิ่นของรุ่นเก่ามากกว่า ให้กลิ่นที่เบา นุ่มนวล โปร่งใส และน่ากินกว่า แต่กลิ่นไม่เบาอย่างที่คิด ยังคงเป็นน้ำหอมกลิ่นแรงเหมือนกันอยู่ แค่ไม่โฉ่งฉ่างกระแทกจมูกแบบในรุ่นใหม่ก็เท่านั้นเอง แถมกลิ่นช่วงท้ายในุร่นเก่านั้นยังคงโปร่งใส สว่าง นุ่มกว่าด้วย

แอบแถมลองกลิ่น Eau Noire รุ่นเก่าให้ไปด้วยอีกนิด เป็นรุ่นที่น้ำสีเขียวสวยมาก รุ่นนี้ได้แบบแบ่งขายมาหลายปีแล้ว จำได้ว่าลองกลิ่นสเปรย์แรกนั้นให้อารมณ์กลิ่นเครื่องแกงกะหรี่วิ๊งๆ ไปตลอดวัน จะหอมก็หอม จะฉุนก็ฉุน ให้กลิ่นน่ากินมาก ครั้งนี้เอามาลองใหม่กระตุ้นความจำ แต่อยากบอกว่าพอได้ลองกลิ่นรุ่นเก่าอีกครั้งกลับรู้สึกว่ามันหอมแรงแต่นุ่มลึกขึ้นมาก คงเป็นเพราะประสบการณ์ลองกลิ่นมั่วๆ ที่ผ่านมาด้วยละมั้งเลยทำให้ชอบกลิ่นรุ่นเก่ามากขึ้นไปอีก

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: DIOR TOBACOLOR EDP

ครั้งนี้ได้กลิ่นใหม่ที่หาขนาดทดลองยากมากมาลองกลิ่นกัน กลิ่นนั้นคือ TOBACOLOR กลิ่นจากกลุ่มน้ำหอมไลน์ Maison Christian Dior ที่เพิ่งเข้ามาขายในไทยแบบกล่อง Limited เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา อยากลองกลิ่นตั้งแต่เห็นออกมาเมื่อปีก่อน ด้วยที่มีโน๊ตกลิ่นหลักของใบยาสูบที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ได้ขวดจิ๋วขนาด 7.5ml มาลองกลิ่น ว่าแล้วก็มาลองกลิ่นกันดีกว่า

TOBACOLOR ออกมาในปี 2021 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Amber ที่ให้กลิ่นเข้มข้น เย้าวยวนแบบตะวันออก เป็นกลิ่นที่จุดประกายถึงการเดินทางที่ท่องไปด้วยความอิสระ มีโน๊ตกลิ่นจาก Tobacco, Honey, Plum, Peach

กลิ่นหอมหวานแน่น ที่ให้กลิ่นแบบใบยาสูบหวาน ทึบ ผสมกับกลิ่นของน้ำผึ้งหวานครึ้มๆ ปนกลิ่นควันไฟจาง และกลิ่นพวกขนมหวาน คลอกลิ่นโทนเครื่องเทศแนวหอมนุ่มที่ไม่เผ็ดซ่าอย่างเครื่องเทศทั่วไป  รวมกันแล้วมันนึกไปถึงกลิ่นเหล้าจางๆ ผสมกับกลิ่นยาสูบหอมอุ่นๆ เหมือนอยู่ในบาร์ที่สูบบุหรี่กันควันขโมง แต่จะว่าไปกลิ่นแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงกลิ่นของพลาสติก กลิ่นยางสังเคราะห์ด้วยเหมือนกัน กลิ่นหอมหวานทึบที่อยากจะดมพร้อมกับความรู้สึกว่าไม่ควรดมอะไรแบบนั้น

กลิ่นหอมนุ่มมากเลยกลิ่นนี้ กลิ่นใบยาสูบหวานๆ ที่มีความแน่นของกลิ่นที่กำลังดี กลิ่นให้อารมณ์เงียบขรึม อบอุ่น หรูหน่อยๆ ดูมีสไตล์ กลิ่นแบบนี้ให้อารมณ์น้ำหอมของ Kilian บางกลิ่นอยู่เหมือนกัน ด้วยเนื้อกลิ่นที่แน่นฉ่ำแบบถึงใจแบบนี้ถ้าไม่ดูยี่ห้อก็คงคิดว่าเป็นกลิ่นสักกลิ่นจาก Kilian ละ สำหรับกลิ่นนี้ให้ภาพของผู้ชายเท่ๆ ลักษณะสันโดด รักอิสระชอบทำอะไรคนเดียวไม่สนใจใคร มีเสน่ห์มาก แต่ก็ให้ภาพของผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง มีความกล้าที่จะเลือก กล้าที่จะทำ แต่ก็ใส่ใจคนรอบข้างด้วย โดยโทนกลิ่นจะเอนไปทางสำหรับผู้ชายมากหน่อย กลิ่นกระจายตัวค่อนข้างดีทั้งในช่วงต้น และช่วงกลาง กลิ่นติดทนดีสมราคาอีกด้วยแค่แต้มลองกลิ่นก็ติดยาวไปเกือบทั้งวัน

เป็นกลิ่นที่ไม่เหมือนน้ำหอมจาก Dior เลยสำหรับกลิ่นนี้ กลิ่นมันโดดออกจากพวกพ้องมาก ลองกลิ่นครั้งแรกก็แปลกใจเหมือนกันแต่พอลองไปสักสองสามครั้งก็โอเค ชินละ แต่ก็ไม่คิดว่า Dior จะทำกลิ่นที่ LOUD แบบนี้ มันช่างสะใจดีจริงๆ แถมอยู่ในกลุ่ม Maison Christian Dior อีกต่างหากค่าตัวไม่ต้องพูดถึง สูงลิบ ยิ่งช่วงนี้ขยันปรับราคาขึ้นเดือนต่อเดือนอีกต่างหาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะหามาใช้สักขวดนึง ตอนนี้คงใช้แค่ขวดเล็กจิ๋วต่อไปก่อน

Gallery: DIOR TOBACOLOR

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Dior J’adore Parfum D’eau EDP

ครั้งนี้ได้กลิ่นใหม่จาก Dior มาลองกลิ่น คือ J’adore Parfum D’eau ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง J’adore กลิ่นนี้เป็นกลิ่นสุดท้ายของ Francois Demachy ผู้ปรุงน้ำหอมหลักของ Dior ก่อนจะเกษียณตัวเองไป และเป็นกลิ่นแรกจาก Dior ที่ไม่ใช้แอลกอฮอล์ในส่วนผสมหลักมีแค่ตัวน้ำหอม กับ น้ำ เท่านั้น ทำให้ตัวน้ำหอมไม่มีกลิ่นเปิด กลิ่นกลาง กลิ่นฐาน เหมือนน้ำหอมเดิมๆ แต่ให้กลิ่นคงตัวตั้งแต่ฉีดยาวไปจนจบกลิ่นด้วย ดูน่าสนใจดีทีเดียว แนวกลิ่นยังคงแนว Floral เป็นหลัก มีโน้ตกลิ่นของ Neroli, Jasmine Sambac, Chinese Magnolia

กลิ่นเปิดมาให้กลิ่นเดอกไม้ติดเขียวสดชื่น หอมสะอาดแบบกลิ่น Magnolia แทรกด้วยกลิ่นหอมอวลติดหวานนิดๆ แบบกลิ่นของ Jasmine Sambac หรือแนวกลิ่นดอกมะลิบางๆ เป็นกลิ่นที่ยังไงมันก็คือ J’adore นั่นแหละ ให้อารมณ์ของกลิ่นรุ่น EDP ปกติเลย แค่ตัวเนื้อกลิ่นมันหอมโปร่งขึ้น กลิ่นดอกไม้เด่นขัดกว่าปกติ แต่ไม่ฉุนนะ กลิ่นดอกไม้นั้นมันบางเบา หอมหวานนวลคลอมากับกลิ่นหอมเขียวสดชื่นสไตล์ J’adore ดั้งเดิมเลย แต่รุ่นใหม่นี้กลิ่นเขียวไม่ทึบ ไม่อับชื้นเหมือนเดิมแล้ว ให้กลิ่นลงตัวมากคลอไปพร้อมกับกลิ่นดอกไม้ได้อย่างลงตัวดี

ข้อสังเกต ตัวน้ำหอมเป็นสีขาวที่เนื้อค่อนข้างข้น ให้ความมันเยิ้มเป็นคราบน้ำหอมบนผิวชัดเจนจนน่าเกลียด ต้องถูไปบนผิวเหมือนโลชั่นเพื่อลบคราบน้ำมันบนผิว เรื่องความฟุ้งของกลิ่นนั้นก็ถือว่าโอเค ไม่ฟุ้งเหมือน J’adore ปกติ ในช่วงชั่วโมงแรกนั้นกลิ่นอวลชัดติดตัวดี หลังจากนั้นกลิ่นเริ่มลดความฟุ้ง แต่ก็ไม่ได้แย่แค่ไม่ค่อยได้กลิ่นลอยมาตามลม แต่ดมตรงจุดที่ฉีดแล้วก็ได้กลิ่นแน่นชัดดี แค่ไม่ฟุ้งกระจายเท่าที่ควร ความทนของกลิ่นนั้นทำได้ดีแบบผิดคาดให้กลิ่นติดบนผิวยาวนานมาก แม้จะไม่ได้ให้กลิ่นกระจายชัดเจนตลอดอายุแต่สามารถติดบนผิว บนเนื้อผ้ามากกว่า 6-7 ชั่วโมงได้ จุดเด่นของกลิ่นนี้คือกลิ่นไม่เปลี่ยนไปตลอดช่วงอายุกลิ่นอย่างที่โฆษณาจริงๆ ให้กลิ่นตอนเริ่มฉีดแบบไหนกลิ่นก็เป็นแบบนั้นไปตลอดจนจบ

สรุปแล้วกลิ่นนี้มันก็ไม่ได้ต่างจาก J’adore EDP เลย สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้ใส่ใจหรือสังเกตก็แทบจะแยกไม่ออกว่านี่คือกลิ่นใหม่ก็ว่าได้ ส่วนตัวบล็อกนั้นก็คิดว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างของกลิ่นจากรุ่นเดิมๆ มากนัก อย่างที่เล่าไปว่าความรู้สึกแรกที่ได้กลิ่นมันก็นึกถึง J’adore ตัวเดิมทันทีเลยด้วยกลิ่นดอกไม้หอมเขียวสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์นั้น หากเริ่มใส่ใจและสังเกตกลิ่นก็จะรู้สึกถึงความบางเบา โปร่งใสของกลิ่นที่ให้ความสบายสดชื่นองกลิ่นที่มากขึ้น จนสามารถใช้ในช่วงอากาศร้อนได้ง่ายขึ้นมาก น่าประทับใจที่สามารถทำให้กลิ่นเดิมที่ดูนุ่มอบอุ่น กลายเป็นกลิ่นสดชื่นสดใส ที่ยังคงความฉ่ำเปล่งประกายของกลิ่นสไตล์ J’adore อย่างที่คุ้นเคยไว้ได้ ส่วนตัวบล็อกชอบกลิ่นใหม่นี้มากกว่าตัว EDP เดิมอีก

GALLERY: Dior J’adore Parfum D’eau

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Dior Miss Dior Rose Essence EDT 2021

วันนี้ Perfume Blog มาแบบรอบพิเศษสำหรับน้ำหอมกลิ่นใหม่จาก Dior ในตระกูล Miss Dior กลิ่น Rose Essence ที่เป็นแบบ Limited Edition เป็นรุ่นพิเศษที่เอาเข้ามาขายในไทยแค่ไม่กี่ร้อยขวด ขายที่เคาน์เตอร์ Dior บางจุดเท่านั้น และช่องทาง Online ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา มีขนาดเดียว 100ml ด้วยราคา 8,300.- บาท ทำเอาคิดอยู่สักพักว่าจะเอามาดีไหม แต่ไหนๆ แล้วก็สั่งซื้อมาจนได้ อยากลองกลิ่นว่าจะหอมแบบไหนกัน

ขวดนี้สั่งจาก Dior Online โดยตรง เพราะไม่มีขายในจังหวัดเลยไม่มีโอกาสไปลองกลิ่นก่อนตัดสินใจ ช่วงนี้กล่องของขวัญที่ห่อมาจะเป็นกล่องรุ่น DIORIVIERA Summer Edition สีน้ำเงิน ตัดตัวอักษร ลวดลายสีขาว ที่คิดว่ามันไม่เข้ากันเลย แต่ก็ได้แถมถุงผ้ารุ่น Summer และ ถุงผ้า ลายดอกไม้ Miss Dior รุ่นพิเศษที่เคยแจกมาของเมื่อปีก่อนอีก 1 ใบ สงสัยแจกไม่หมดเลยเอามาแจกใหม่อีกรอบ สินค้าขนาดทดลองก็เลือกเอา Miss Dior Rose Essence ขนาดทดลอง 2ml มาลองกลิ่นเพิ่ม กับครีมบำรุงเก็บไว้ใช้ต่อ

กล่องในรุ่น DIORVIERA Summer Edition ปีนี้เป็นกล่องสีน้ำเงินเข้ม แถบสีขาวคาดบนฝากล่องพร้อมตัวอักษร DIOR สีขาว ตัวกล่องนั้นเป็นสีเงิน เมื่อซื้อครบ 6,000 บาท จะได้ถุงผ้าในรุ่น Summer Edition มาอีกใบ ถุงผ้าเนื้อหนา มีรายละเอียดด้านนอกแบบตาข่ายผ้าอีกชั้น หูรูดมีปลายแต่ละข้างเป็นพู่เชือกฝ้ายและสัญลักษณ์ CD ดูสวยน่าใช้งาน

แพ็คเกจของน้ำหอมก็มาแบบพิเศษ มาในกล่องกระดาษไลด์ด้านข้างสีชมพู ที่มีส่วนประกอบจากกลีบดอกกุหลาบที่เหลือจากการสกัดน้ำหอมอีกด้วย ด้านในกล่องจะมีหนังสือเล่มเล็กที่มีรายละเอียดการเดินทางของน้ำหอมพร้อมภาพสวยๆ ประกอบเรื่องราว

Note: บรรจุภัณฑ์กระดาษรีไซเคิลถึง 40% และ กลีบดอกกุหลาบที่เหลือจากกระบวนการถึง 15% ใช้แก้วรีไซเคิลผลิตขวดบรรจุน้ำหอม 25% ตัวขวดแก้วมาในขวดแก้วเนื้อบางลงลดปริมาณการใช้วัสดุ ตกแต่งลวดลายเอกลักษณ์ Houndstooth Check ด้านข้างขวด สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของ Miss Dior ริบบิ้นรอบคอขวดที่ผูกด้วยโลโก้ Dior นั้น ตัวริบบิ้นแสดงถึงลักษณะของถุงผ้ากระสอบที่ใช้ตอนเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบในไร่ที่เมือง Grasse อีกด้วย

Miss Dior Rose Essence EDT ออกมาในปี 2022 กลิ่นแรกของตระกูล Miss Dior Fragrance Vintage เป็นเสมือนกลิ่นหอมของ May Rose ที่เก็บเกี่ยวจาก The Domaine de Manon จากเมือง Grasse ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบคือ May Rose สำหรับ Dior ใช้ในการผลิตน้ำหอมมาตั้งแต่อดีต ด้วยการเก็บเกี่ยว May Rose อย่างใสใจเพื่อนำมากลั่นเป็น Rose Water ที่มีเอกลัษณ์แบบ Dior จนกลายเป็น Miss Dior Floral Water ที่สวยงามล้ำค่า

Note: จะต้องใช้ดอกกุหลาบถึง 1 กิโลกรัม เพื่อให้ได้ Rose Water 1 ลิตร เนื่องจากจำนวนที่ผลิตได้ขึ้นอยู่กับปริมาณการเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบในแต่ละปี ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละปีจะมี Miss Dior Fragrance Vintage ผลิตมาจำนวนเท่าไหร่ และด้วยความแตกต่างเฉพาะของการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้ง ทำให้เตรียมตัวพบกับ Miss Dior Rose Essence แบบมีแค่หนึ่งเดียว (One-of-a-kind) ที่แตกต่างกันไปในแต่ละปีอีกด้วย

หัวใจหลักของ Miss Dior Rose Essence คือ Rose water ซึ่งให้ความสดชื่น มอบประโยช์ความสุข ที่มีแรงบันดาลใจอย่างวิถีลับบอกจากแม่ถึงลูกสาวจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยความนุ่มนวล และความโอบอ้อมสไตล์เมือง Grasse, Rose water นั้นช่วยเติมเต็มความสดชื่นที่เปี่ยมด้วยธรรมชาติ ทำให้ Miss Dior Rose Essence นั้นนำเสนอด้วยความสดชื่นของดอกไม้ที่น่าหลงใหล ความนุ่มละมุนเย้ายวนของ Woody notes เปล่งประกายแบบ Musk เหมือนกลิ่นของสวนกุหลาบที่ไม่มีสิ้นสุด ด้วยโน้ตกลิ่นของ Geranium, Green Notes, Grasse Rose, Vetiver, Patchouli, Guaiac Wood, Musks

กลิ่นเปิดให้กลิ่นกุหลาบบางคมๆ ขึ้นมาแว๊บนึงแล้วจะเริ่มกลายเป็นกลิ่นหอมอมเปรี้ยวอุ่นๆ แบบกลิ่น Geranium ติดกลิ่นเขียวชื้นเหมือนน้ำค้างบนใบไม้ ทิ้งไว้สักพักกลิ่นกุหลาบแบบ Spicy กลิ่นกุหลาบอ่อนบางที่มีความซ่าเผ็ดช้ำๆ ในกลิ่น ซึ่งน่าจะผสมกับกลิ่นช่วงต้นมา ทำให้กลิ่นกุหลาบที่ได้ดูเป็นกุหลาบ Grasse Rose กลีบช้ำผ่านชีวิตมาสักพักส่งกลิ่นหอมแบบผู้มีประสบการณ์ท่ามกลางน้ำค้างยามเช้าครั้งแล้วครั้งเล่า… อะไรประมาณนั้น กลิ่นช่วงหลังนั้นยังคงให้กลิ่นกุหลาบบางๆ อยู่แต่จะเสริมมาด้วยกลิ่นหวานเจือนปนกลิ่นหอมมันนุ่มๆ ทำให้กลิ่นดูมีน้ำหนักทุ้มขึ้นเยอะเลย ชอบกลิ่นช่วงท้ายสุดดูกลมกลืน กลิ่นหรูลงตัวดี

เป็นกลิ่นกุหลาบที่มาในแนว Unisex เลยนะเนี่ย ให้กลิ่นกุหลาบที่แปลกไปจาก Miss Dior อื่นๆ แบบแตกต่าง ไม่ใช่กุหลาบหอมใส หวานอมเปรี้ยว หรือหอมหวาน แต่เป็นกุหลาบที่ดูหนักแน่นไม่เหมือนเดิม ให้อารมณ์กลิ่นเครื่องเทศบางๆ มาผสมมากกว่ากลิ่นดอกไม้ด้วยกัน แต่ถึงจะหนักแน่นยังไงก็แค่คำบรรยาย กุหลาบใน Rose Essence นั้นมันช่างเบาบางม๊าก สมกับมีแรงบันดาลใจแบบ Rose water พลังของกลิ่นก็เบามากเช่นกัน ยิ่งทำให้กลิ่นมันดูไม่ชัดเจนเอาซะเลย ต้องคอยก้มไปดมถึงจะได้กลิ่น แต่อัดหลายๆ สเปรย์ หรือฉีดบนเสื้อผ้าก็น่าจะพอฟุ้งขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นมันก็อายุสั้นพอๆ กับ Blooming Bouquet เลย แค่ 2-3 ชั่วโมงก็แทบจะไม่ได้กลิ่นแล้ว มีแค่กลิ่นอ่อนๆ ติดตัว

พูดถึงเรื่องกลิ่นแล้วก็ชอบกุหลาบแบบนี้นะ แตกต่างจากตัวอื่นดี กุหลาบเผ็ดๆ ที่ดูไม่เป็นกลิ่นสำหรับผู้หญิงอย่างเดียว กลิ่นกุหลาบหม่นผสมกับ Geranium ตบด้วยกลิ่นแนว Woody ให้กลิ่นภูมิฐาน เป็นผู้ใหญ่ขึ้นจากตระกูล Miss Dior เดิมมาก เหมาะกับผู้ชายด้วย กลิ่นดูแนวชุดสูทหล่อๆ รอประชุมเลยละ เพียงแต่ขวดมันออกไปทางผู้หญิงไปหน่อยผู้ชายหลายคนอาจจะไม่สนใจ อีกเหตุผลที่ไม่น่าจะสนใจ ที่จะลงทุนก็คงเพราะราคา ประสิทธิภาพ และคำว่า Limited ที่กำหนดอนาคตไว้เรียบร้อยว่าอยู่ไม่นาน ชอบแค่ไหนในอนาคตก็เลิกผลิตแน่นอนอยู่แค่ว่าจะนานแค่ไหนเท่านั้น

ส่วนตัวแล้วถ้าไม่สนใจเรื่องเก็บสะสม ก็คิดว่าไม่คุ้มเลยสำหรับราคานี้ 8,300.- บาท กับกลิ่นที่ได้มา กลิ่นหอมแตกต่างจากเดิม แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่จากกุหลาบยี่ห้ออื่นสักเท่าไหร่ด้วย อย่างว่าช่วงนี้ Dior เขาเน้นออกมาแบบมีเรื่องราวดูมีที่มาที่ไป ผลิตอย่างพิถีพิถัน รักษ์โลก และจำนวนจำกัดซะมากกว่า สำหรับคนที่อยากลองก็ไปเอาแบบแบ่งขาย หรือหาขนาดทดลองมาลองสักสองสามครั้งก็น่าจะพอพิจารณาได้ว่าจะหยุดแค่นี้ หรือไปต่อดี

แต่สำหรับนักสะสมนั้นดูจากเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอน้ำหอมในคอนเซ็ป Miss Dior Fragrance Vintage แล้วก็จะเห็นว่านี่คือกลิ่นบุกเบิกตระกูลใหม่นี่นา เพิ่งจะเข้าใจคอนเซ็ปจากป้ายรายละเอียดหน้ากล่อง “Dior Les Récoltes / Grasse, France / 2021” เป็นกลิ่นของกุหลาบที่เก็บเกี่ยวจากเมือง Grasse ของปี 2021 แล้วปี 2022 นี้ละกลิ่นจะแตกต่างกันไปยังไงน่าสนใจดีทีเดียว

เอาละใครอ่านมาถึงจุดนี้แสดงความมีความสนใจในตัว Miss Dior Rose Essence อยู่ไม่น้อยแน่นอน ถ้าชอบในคอนเซ็ปเขาแล้วละก็ รีบไปจัดมาสักขวดก่อนที่ไม่มีให้ซื้อกันนะ ช่วงหลังนี้ Dior ไม่ชอบเอาของ Limited เข้ามาขายรอบ 2 สักเท่าไหร่ด้วย โชคดี สมหวังกันทุกคนครับ! ✌️

Dior Miss Dior Rose Essence EDT 2021 100ml

ภาพประชาสัมพันธ์

อ้างอิง:
http://www.dior.com
https://bagaholicboy.com/2022/04/dior-miss-dior-rose-essence-nouvelle-eau-de-toilette/

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Vintage Christian Dior Part 2 [Poison Parfum, Chris1947, Dior Me Dior Me Not, Dior Addict EDP, Midnight Poison, Diorissimo Colonge] [Vintage Collection]

.

วันนี้มาต่อกับน้ำหอมเก่าจาก Christian Dior มาเป็น Part 2 สุดท้ายกันแล้วกับน้ำหอมเก่าที่ได้มาตั้งแต่ต้นปีรวมๆ กันมาน่าจะทั้งหมดในปีนี้แล้ว ตั้งแต่มีโควิดระบาดรอบสามปีนี้ก็ทำให้เลิกซื้อน้ำหอมเก่ามาเก็บไปเลยไม่รู้ทำไม แต่เวลาเจอกลิ่นเก่าแปลกๆ ก็ยังแอบซื้อมาลองกลิ่นอยู่บ้างเพียงแต่เลิกซื้อกลิ่นเดิมมาซ้ำๆ กันแล้ว

สำหรับครั้งนี้เปิดด้วย Christian Dior Poison Esprit De Parfum เป็นกลิ่นที่ยังไงก็เลิกซื้อไม่ได้เจอเมื่อไหร่ก็กดทันที ขวดนี้เป็นความเข้มข้น Esprit De Parfum ขนาด 30ml ขวดแรกที่ได้มา ไม่เคยได้ขวดใหญ่แบบนี้มาก่อน มาพร้อมกล่องเดิมๆ ครบ สภาพดี น้ำหอมเหลือค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญได้มาในราคาไม่แพงอีกด้วย อายุขวดนี้น่าจะเป็นขวดยุค 80 ก่อนปี 1990 ถ้าดูจากที่อยู่ Christian Dior ใต้กล่อง

Christian Dior Poison Esprit De Parfum 30ml

.

.

อีกขวดที่มาพร้อมกันคือ Chris1947 เป็นกลิ่น Limited ที่ออกมาในปี 2003 ออกมาพร้อมกลิ่นอื่นๆ อีกสองสามกลิ่น ได้มาแบบขวดเสปรย์ขนาดเล็ก 7.5ml ที่น่าจะมาจากชุดรวมกลิ่นที่ Dior ชอบทำออกมาในช่วงนั้น เหมือนจะใช้ชื่อชุดว่า DIOR VOYAGE IN LOVE WITH DIOR ประมาณนั้น กลิ่นนี้ยังไม่เคยลองกลิ่นเหมือนกัน แต่ก็คงจะเหมือนกลิ่นอื่นๆ แนวดอกไม้หวานใส

Christian Dior Chris 1947 EDT 7.5ml

.

.

ต่อมา Dior Me, Dior Me Not เป็นกลิ่น Limited อีกกลิ่นที่ออกมาปี 2004 ที่ทำออกมาเฉพาะขนาด 50ml ขวดนี้ได้มาแค่ขวดอย่างเดียว มีน้ำหอมเหลือครึ่งขวดเอาไว้ลองกลิ่น

Christian Dior Dior Me, Dior Me Not EDT 50ml

.

.

ชุดสุดท้ายนี้ได้มาจากหลากหลายที่ แต่ก็เป็นของแปลกของหายากทั้งนั้น ก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ไปเจอตอนลงขายพอดีอีกต่างหากเลยได้มา และที่สำคัญได้มาในราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย

ขวดแรก Dior Addict รุ่นแรกๆ ในหน้าตาขวดเดิมๆ ของช่วงปี 2002-2013 ก่อนปรับโฉมใหม่ปี 2014 ได้มาแค่ขวดอย่างเดียว แต่สภาพยังดีมาก และมีน้ำหอมเหลือเยอะ แอบลองกลิ่นแล้วกลิ่นมันหอมนุ่มลึกกว่ากลิ่น EDP ปัจจุบันอีก

Christian Dior Dior Addict EDP 50ml

.

ต่อมาคือ Midnight Poison EDP กลิ่นในตำนานในรูปทรงขวดเก่า ได้มาในสภาพโอเค พอใช้ได้ คอขวดสีเงินลอกออกบางส่วนแล้ว ตัวขวดก็มีริ้วรอยพอสมควร แต่ที่สนใจที่สุดก็คือตัวน้ำหอมด้านในที่ยังคงเหลืออยู่นิดหน่อยพอได้ลองกลิ่นอันโด่งดังนี้ และขวดนี้ก็ได้เอาไปลองกลิ่นแล้วด้วยหาอ่านได้ในบล็อกนี่แหละ

Christian Dior Midnight Poison 100ml

.

ขวดสุดท้ายคือ Diorissimo Eau de Cologne ที่มาในขวดรุ่นเก่า เก่ามากแบบที่เคยเห็นแค่ใน Internet รูปร่างขวดแก้วมีริ้วลายทางรอบขวด กับฝาสีทอง ได้มาพร้อมกล่องอีกต่างหาก น้ำหอมยังเหลือเยอะ หัวสเปรย์ใช้ระบบ Atomiseur ที่น่าจะพังไปเรียบร้อยแล้วจากอายุของมัน เลยไม่ได้ลองกลิ่นเลยขวดนี้

Christian Dior Diorissimo Eau de Cologne 112ml

Perfume Blog: Vintage Christian Dior Diorissimo Parfum, Guerlain Mitsouko Parfum [Vintage Collection]

.

สวัสดีบล็อก! อาทิตย์มากับ Christian Dior และ Guerlain โดย CD นั้นก็เป็นกลิ่นและขวดรุ่นประจำคือ Diorissimo ขวดแก้วลายริ้วขนาดเล็กฝาสีทอง ขนาด 7.5ml ได้มาครบกล่องที่น้ำหอมพร่องไปหน่อยนึง ด้วยความหอมของกลิ่นมันคุ้มค่าที่จะเอามาเก็บ ส่วน Guerlain ได้ Mitsouko มาในขวดรูปร่างแปลกหัวแหลมที่เป็นเอกลักษ์ของ Guerlain ขนาด 7.5ml เหมือนกัน มาครบกล่องใน และกล่องนอกสีทอง ส่วนตัวไม่ได้ชอบรูปร่างขวดแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ดูน่ารักนิดๆ เลยเอามาเก็บด้วยได้กลิ่นนี้มาหลายขนาดแล้ว รู้สึกทุกขวดที่ได้มาจะยังไม่มีการเปิดขวดเลยด้วย เดี๋ยวจะเลือกเอาขนาดที่มีซ้ำมาเปิดลองกลิ่นสักหน่อยเห็นว่าเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมจากแบรนด์ ลืมบอกไปว่าเป็นความเข็มข้นแบบ Parfum ทั้ง 2 ขวดที่ได้มา

Christian Dior Diorissimo Parfum 7.5ml

.

Guerlain Mitsouko Parfum 7.5ml

Perfume Blog: Vintage Christian Dior Dolce Vita Parfum Gold Purse Spray

สวัสดีบล็อก! วันนี้มีของแปลกของหายากมาให้ดูกัน ก็เป็นน้ำหอมเก่านั่นแหละ และก็เป็นน้ำหอม Christian Dior จากยุค 90 อีกด้วยมันคือ Dolce Vita Parfum Vaporisateur rechargeable Refillable natural spray กลิ่นนี้เคยลองกลิ่นเล่าลงบล็อกไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้ได้แบบความเข้มข้น Parfum เป็นแพ็คเกจพิเศษสำหรับพกพา ที่หลายๆ แบรนด์นิยมทำออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลายในยุคนั้น ตัวบล็อกเองก็เคยเห็นผ่านตามาแค่ครั้งสองครั้ง จนมาเจอลงขายในเว็บมือสอง เป็นน้ำหอมที่เจ้าของเป็นพนักงานบนเครื่องบินที่เดินทางไปประเทศต่างๆ แล้วได้ซื้อกลับมาประมาณนั้น แล้วช่วงโควิดนี้ก็เอาออกมาขายประมาณนี้เท่าที่สอบถามคนขายมา

น้ำหอมมาในกล่องสีเหลืองลายจุดสีทองที่เป็นจุดเด่นของกลิ่นนี้มาก เปิดกล่องมาก็จะเจอขวดมาในแพ็คเกจทรงกลมสีทองเงาวาววับ มีถุงผ้าหูรูดรูปร่างเข้าทรงขวดน้ำหอมสีเหลืองสด กับคู่มือการแกะเปลี่ยนมาด้วย

.

ตัวขวดน้ำหอมในที่นี้น่าจะเรียกว่าปลอกมากกว่า วัสดุเป็นพลาสติกเคลือบโครมเงาเหมือนโลหะสีทองสามารถเปิดออกมาเพื่อเปลี่ยนขวดน้ำหอมจริงๆ ด้านในได้ ตัวขวดน้ำหอมเป็นขวดเล็กรูปร่างแปลกหัวสเปรย์ด้านใน

.

ชอบพวกน้ำหอมจากสมัยนั้นจัง คิดออกแบบสิ่งสวยๆ งามๆ ออกมาให้เข้ากับราคา และผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นเสน่ห์ของน้ำหอมยุคเก่าที่หาไม่ได้ในสมัยนี้

.

เอามาเทียบกับขวดรุ่น EDT 50ml ที่ได้มาก่อนหน้านี้ ขนาดเท่าๆ กันเลยเพียงแค่บางกว่าเท่านั้น จริงๆ ก็ไม่ได้ขนาดเล็กพกพาง่ายสักเท่าไหร่หรอกนะเนี่ย

.

Christian Dior Dolce Vita Parfum Vaporisateur rechargeable Refillable natural spray 7.5ml

Perfume Blog: Christian Dior Dior Homme EDT [2011]

.

หามาจนได้กับ Dior Homme EDT รุ่นสูตรปี 2011 หรือ EDT รุ่นเก่าก่อนปรับสูตรใหม่ในปี 2020 นั่นเอง เพราะความอยากรู้ว่าที่คนในอินเตอร์เน็ตบ่นกันว่าสูตรเก่านั้นดีอยู่แล้ว เสียดายที่ถูกปรับสูตรใหม่นั้น กลิ่นสูตรเก่ามันเป็นอย่างไร และก็มีบอกว่าสามารถใช้รุ่น Dior Homme Intense ที่ยังมีจำหน่ายอยู่แทนกันได้อย่างนี้มันจะจริงไหม ก็หามาได้เป็นขวดเทสเตอร์ มาพร้อมกล่องขาวครบสมบูรณ์ แบชโค้ด 5Z01 ผลิต ธันวาคม 2015 ได้จากร้านประจำเหมือนเดิม ดูโน๊ตกลิ่นแล้วก็ต่างจากรุ่นใหม่ แต่ก็คล้ายกับตัว Intense โดยโน๊ตกลิ่นมี Lavender, Bergamot, Sage, Iris, Cacao, Amber, Leather, Vetiver, Patchouli

กลิ่นเปิดมาแบบแป้งหอมเย็นมีความโปร่งเบาแบบกลิ่นดอกไม้อมหวานนิด กับกลิ่นแบบ Bergamot อมเปรี้ยวอึนๆ ที่ให้ความสดชื่นในช่วงเปิดของกลิ่่น สักพักกลิ่นเริ่มอิ่มตัวขึ้นให้กลิ่นที่มีความรู้สึกนุ่ม เข้มๆ แบบกลิ่นหอมแป้งฟุ้งปนกลิ่นคมเข้มจนติดขมบางๆ คล้ายกลิ่นช็อกโกแลตเย็นๆ กลิ่นช่วงนี้ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ดูดีสุภาพบุรษมาก จนกลิ่นแบบหนังฉ่ำ คมๆ เริ่มแทงขึ้นมาร่วมกับกลิ่นแป้งหอมช็อกโกแลตเมื่อครู่ ยิ่งทำให้ดูเท่ห์แบบนุ่มนวลมากเข้าไปอีก ช่วงหลังความเย็นซ่าที่คลอมากับกลิ่นแป้งในช่วงแรกๆ เริ่มหายไปเหลือไว้แค่กลิ่นหลักแบบแป้งฟุ้งๆ กับกลิ่นหนังบางเบาหอมนุ่ม เนียนๆ ติดผิวไปจนหมดวัน

กลิ่นนี้มันคือ Dior Homme Intense ที่ขายอยู่ปัจจุบันดีๆ นี่เอง ให้โทนกลิ่น ความหอมแบบเดียวกัน เพียงแต่ในรุ่น EDT นั้นกลิ่นจะใสกว่า กลิ่นบางมีความเป็นกลิ่นที่ฉ่ำสดชื่นมากกว่าตัว Intense ในช่วงกลิ่นเปิด แต่กลิ่นหลังจากนั้นแทบจะเหมือนกันเลย ถึงว่า Dior เอาตัว EDT ตัวนี้ออกไปแล้วทำกลิ่นใหม่ขึ้นมา เพราะกลิ่นตัว Intense นั้นเหมือนกันแถมมีความเข้มกว่า ฟุ้งกว่า ติดทนกว่าหน่อยๆ ด้วย โอเคละหายสงสัยว่าตัว Dior Homme EDT ก่อนถูกปรับสูตรที่ใครๆ เขาก็เสียดายกันมันเป็นกลิ่นแบบไหน  ส่วนตัวก็ไม่เชิงจะเสียดายนะตามประสบการณ์ที่มีอันน้อยนิด เพราะตัว Intense ที่มีอยู่ก็สามารถแทนกันได้อยู่ ถือเป็นการเปิดทางรุ่น EDT ที่ให้กลิ่นแนวใหม่ แต่ก็ไม่เสียดายที่ไปตามหาตัว EDT รุ่นเก่าก่อนปรับสูตรมาได้ เพราะขวดรุ่นเก่าก็สวยกว่ารุ่นใหม่อยู่ดีบอกตามตรง ดูมีเอกลักษณ์ ดูเป็น Dior ดีด้วย

Christian Dior Dior Homme EDT [2011] 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Tendre Poison EDT [Vintage]

.

Christian Dior Tendre Poison เป็นกลินที่ออกมาในปี 1994 ให้แนวกลิ่น Floral ที่เป็นกลิ่นที่สองจากตระกูล Poison เป็นกลิ่นที่ดูมีความขัดแย้งในตัวเองจากชื่อ ที่มอบความบริสุทธิ์ แต่ก็ก็ดูเหมือนยาพิษ แต่ก็ให้มอบความนุ่มนวล สร้างความมีเสน่ห์กับตัวเอง ผสมผสมความหอมหวานสดชื่น แสดงภาพของผู้หญิงผู้ซึ่งซ่อนความมันใจลึกลับที่โดดเด่นภายใต้ภาพของความบอบบาง มีโน้ตกลิ่น Asafoetida, Bergamot, Brazilian Rosewood and Mandarin Orange; middle notes are Tuberose, Honey, Orange Blossom, Freesia and Rose; base notes are Musk, Sandalwood, Heliotrope, Vanilla

กลิ่นเปิดให้ความรู้สึกเย็นๆ มีความหวานบางของกลิ่นมะกรูด เมื่อกลิ่นหอมเย็นเริ่มจางลงจะเริ่มมีความหวานอุ่น กลิ่นตุ่นๆ ไม่เชิงจะสดชื่น ที่มีกลิ่นติดเขียวใสเป็นพื้นหลัง เป็นความเขียวที่ให้ความรู้สึกเหนอะหน่ะมากกว่าสดชื่น ให้กลิ่นหวานตุ่นที่รู้สึกเหมือนน้ำผึ้งหวาน และอบอุ่น เป็นกลิ่นที่นุ่ม ถ้าไม่ติดว่ามีกลิ่นหวานแหลมแนวดอกไม้ทุ้มๆ ซึ่งน่าจะเป็น Tuberose โดดเด่นขึ้นมาทุกครั้งเมื่อดมกลิ่นก็จะเป็นกลิ่นที่หอมนุ่มดีใช้ได้ พอทิ้งไปสักพักกลับมีกลิ่นอมเปรี้ยวแทรกขึ้นมาทำให้กลิ่นดูใสขึ้นนิดนึง โดยกลิ่นช่วงกลางของกลิ่นไปแล้วนี่แหละที่ทำให้สัมผัสความหวานกลมแซมความใสสดชื่น แต่ก็นุ่มนวล แบบเนียนฉ่ำกลิ่นหอมดีมากๆ ช่วงหลังนี้

กลิ่นนี้ดูจะเป็นกลิ่นแรงๆ แหลมๆ ในช่วงแรกแต่ก็กลับมาเป็นความหอมนุ่มๆ เคลิบเคลิ้ม ที่ชวนหลงใหลในช่วงหลังของกลิ่น สมกับเป็นหนึ่งในตระกูล Poison เลยละ เพียงแค่อาจจะดูเป็นกลิ่นยุค 90 ชัดไปหน่อยถ้าพูดถึงในตอนนี้ มันมีกลิ่นนุ่ม ติดคาว-สาบแห้งๆ ในพื้นหลังของกลิ่นในช่วงหลังบางๆ ที่ให้ Hint ของน้ำหอมยุค 90 แบบชัดเจน ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นดีใช้ได้เลย กลิ่นมันออกไปทางนุ่ม เบา หอมสบาย แต่ก็แฝงด้วยความฉ่ำนวลของเนื้อกลิ่นที่ทำใหรู้สึกหรู อบอุ่น มีเสน่ห์ที่ดูร้ายนิดๆ ด้วย ก็เสียดายอยู่ที่กลิ่นนี้ไม่ได้ไปต่อเลิกผลิตไปนานแล้ว ถ้ายังมีอยู่ก็คงทำให้ตระกูล Poison ดูมีสีสัน มีความหลากหลายของสไตล์กลิ่นมากไปอีกแบบ 

เล่าแถมนิดอยากจะบอกว่ากลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่หาลอง หาเทียบกลิ่นยากอีกกลิ่นเลย ด้วยความที่มันไม่มีผลิตแล้วและก็มีแต่ของปลอมขายกันเต็มไปหมด ถึงจะได้มาขวดแรกก็ไม่มั่นใจว่ามันจะแท้ไหมถึงจะซื้อจากร้านประจำก็เถอะ เลยทำให้ต้องเทียบกลิ่นจาก 3 ขวดที่หามาได้เลยทีเดียว ถึงจะได้มีโอกาสลองกลิ่นมาเล่าให้อ่านกันครั้งนี้ ที่บอกแบบนี้ก็เพราะกลิ่น Tendre Poison นี้ค่อนข้างแหวกแนว Poison เดิมๆ ไปหน่อยกลิ่นมันค่อนข้างเบา หวานใส และก็นุ่มๆ ก็เลยไม่แน่ใจจนต้องหาขวดอื่นๆ มาเทียบนี่ละ แต่ก็โอเคนะลองกลิ่นแล้วก็พอได้อยู่เลยเอามาเล่าลงบล็อกเลยละกัน

Christian Dior Tendre Poison EDT 50ml

.

Christian Dior Tendre Poison EDT 30ml

.

Christian Dior Tendre Poison EDT 30ml

.

หลังจากพยายามหากลิ่นนี้ขวดรุ่นเก่ามาลองกลิ่นอยู่นาน อยู่ดีๆ เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เจอ TENDRE POISON ขวดกลมที่หายากลงขายซะงั้น เข้าเว็บมือสองไปเจอโพสที่เพิ่งลงขายพอดิบพอดี รีบกดเข้าซื้อทันทีไม่ต้องคิดเลย แต่ก็ดูรูปภาพประกอบอยู่นะ ดูว่ากล่องซีลเรียบร้อย และมีป้ายราคา King Power ที่มีข้อมูลของสินค้าตรงก็มั่นใจได้ระดับนึงละ

.

รอคืนนึงพัสดุก็ส่งมาถึงตื่นเต้นมาก สภาพกล่องภายนอกตรงตามภาพพลาสติกซีลยังอยู่ดีไม่มีขาด ลังเลว่าจะแกะดีไหม หรือว่าจะเก็บให้เป็นกล่องซีลแบบนี้ แต่เพื่อความมั่นใจก็ต้องแกะดูขวดด้านในละกัน เปิดออกมาก็เจอขวดน้ำหอม ขวดสีเขียวสวยมาก ฝายังไม่เหลือง สภาพโดยรวมมันคือของใหม่จริง โค้ดไต้ขวดกับใต้กล่องตรงกัน ก็พอจะมั่นใจได้ว่ามันเป็นของแท้ ส่วนกลิ่นยังไม่ได้ลองกลิ่นเพราะยังเสียดายที่จะกดสเปรย์มันออกมาอยู่ ไว้ทำใจได้แล้วค่้อยลองกลิ่น

.

TENDRE POISON ขวดรูปร่างกลมแป้นๆ แบบนี้เป็นรุ่นที่มีการปรับสูตรในช่วงปี 2005-2006 และตระกูล Poison มีการปรับใช้ขวดรูปร่างแบบเดียวกัน แต่ TENDRE POISON ก็มีอายุอยู่ไม่ถึงการปรับรูปร่างขวดใหม่แบบขวดรุ่นที่มีขายในปัจจุบัน เพราะเลิกผลิตไปช่วงปี 2010 เป็นขวดกลมที่เป็นโฉมสุดท้ายก่อนเลิกจำหน่ายไป ทำให้มันหาขวดเก่าที่สภาพดี ครบพร้อมกล่อง มีน้ำหอมปริมาณเต็มขวด หรือเป็นของแท้ๆ นั้นยากมาก ราคามือสองรุ่นขวดแบบนี้ในต่างประเทศ แบบสภาพดีครบกล่องก็ 13,000 กว่าได้ ถ้ามีแค่ขวด ตามสภาพ ราคาก็ลดลงมาแต่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ละ ถึงอยากจะสั่งก็ไม่กล้าเพราะรุ่นขวดกลมแบบนี้ปัจจุบันถูกทำปลอมแล้วเอามาขายเยอะมากจริงๆ อย่างที่บอกบางทีเห็นขวดของแท้แต่น้ำหอมด้านในไม่แท้ก็เยอะ และสภาพขวดปลอม กล่องปลอมที่ขายกันชัดๆ ก็เยอะ ขวดนี้ก็เลยถือว่าโชคดีสุดๆ ที่ได้มา แถมได้ขวดขนาด 100ml ในราคาสมเหตุสมผลไม่แพงด้วย

.

ขวดนี้แบชโค้ดขวด 5G01 เช็คในเว็บที่เช็คอายุน้ำหอมทั่วไปจะระบุว่าผลิตปี 2015 (2558) เดือน 7 ก็ประมาณ 6 ปี 4 เดือนมาแล้ว แต่คงไม่น่าใช่เพราะกลิ่นนี้เลิกขายมานานกว่านั้นมาก ซึ่งแบชโค้ดจะใช้ซ้ำประมาณทุก 10 ปี ย้อนกลับไปน่าจะผลิตในปี 2005 (2548) และถ้าเทียบตามข้อมูลการนับแบ็ชโค้ดที่ละเอียดจาก เว็บนี้ และตามข้อมูลที่ว่าหยุดผลิตปี 2010 (2553) ก็ถือว่าอยู่ในช่วงปี 2005 (2548) นี่ละ หรืออาจจะพอบอกได้ว่า TENDRE POISON ขวดนี้ผลิตมาเมื่อประมาณ 16 ปีที่แล้ว เหมือนจะเป็นรุ่นปรับสูตรชุดแรกๆ เลยนะเนีย ว่าแต่ราคาใน Duty Free สิบกว่าปีที่แล้วราคามันแค่ 2,800 บาท เองถ้าเทียกับปัจจุบันก็คงแพงมากเหมือนตอนนี้ละมั้ง

Christian Dior TENDRE POISON EDT [2005] 100ml BatchCode: 5G01

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Hypnotic Poison EDP

Hypnotic Poison EDP ออกมาในปี 2014 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Amber Vanilla จากโน้ตกลิ่น Licorice, Almond, Jasmine Sambac, Orange Blossom, Vanilla, Tonka Bean มาถึงอีกกลิ่นจากไลน์ Poison กลิ่นนี้เป็นรุ่น EDP ที่เพิ่งออกมาไม่นานมานี้ และเป็นกลิ่นที่ไม่มีขายในไทยอีกด้วย แต่ก็เจอมาว่ามีขายแค่ Duty-Free ในสนามบินเท่านั้นเหมือน Poison Girl ทั้ง 3 รุ่นที่ได้ลองกลิ่นไปครั้งก่อน เป็นอีกครั้งที่ DiorTH ไม่เอากลิ่นใหม่ๆ เข้ามาขายอยากรู้จริงๆ ว่าทำไม

ขวดนี้ได้มาเป็นกล่องขาวขวดเทสเตอร์ เป็น EDP รุ่นหลังๆ ที่คอขวดไม่มีริบบิ้นคล้องกับตราประทับโลโก้ CD ที่คอขวดเหมือนตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ อย่างในรูปแล้ว กลายเป็นคอขวดสีทองปกติเหมือนกับ Poison รุ่นอื่นๆ

กลิ่นเปิดมาหอมมันติดหวานแบบน้ำเยิ้มคล้ายลูกอมรสเชอร์รี่ หรือกลิ่นผลไม้เชื่อมชุ่มฉ่ำ มีกลิ่นนวลหอมมันที่เป็นเอกลักษณ์จาก Hypnotic Poison เดิมแบบกลิ่นของ Almond มาแบบโดดเด่น พอกลิ่นเริ่มแห้งและผ่านไปสักพักกลิ่นจะเริ่มออกไปทางกลิ่นลิปสติก หรือกลิ่นเครื่องสำอาง แนวกลิ่นสารเคมีที่ให้กลิ่นหวานซ่าบซ่า ด้วยกลิ่นแบบดอกไม้นุ่ม และใส ในพื้นหลัง กลิ่นที่รู้สึกได้ชัดคือ Orange Blossom ที่ให้กลิ่นหวานจางสว่างใสเป็นประกาย กลิ่นช่วงหลังนั้นจะให้กลิ่นหอมหวานนวลครีมมี่ แบบกลิ่นวนิหลาอบอุ่นครีมเนียน พร้อมกับกลิ่นหอมหวานฉ่ำใสแบบกลิ่นลูกอมเชอร์รี่ กับความหอมมันของ Almond ที่ยังคงคลอมาบางๆ ในกลิ่นทำให้กลิ่นดูหรู มีความสว่างใสแต่ก็มีความรู้สึกอันตราย พร้อมกับความอบอุ่นน่าเข้าหา

กลิ่นหอมมาก รุ่นเดิมก็ว่าหอมแล้ว ตัว EDP ก็ทำมาหอมขึ้นไปอีก เนื้อกลิ่นยังคงนำจุดเด่นของ Hypnotic Poison เดิมมาให้สัมผัสอยู่ แต่ก็ไม่ได้เรียกว่ากลิ่นเหมือนกันซะทีเดียวนะ กลิ่นรุ่น EDP นี้มันให้กลิ่นแบบกลิ่นลูกอมรสเชอร์รี่ หรือกลิ่นยาน้ำเชื่อมหวานๆ เป็นกลิ่นที่โดดเด่นออกมา คิดว่าน่าจะเป็นโน๊ตกลิ่น Licorice คลอมากับกลิ่น Almond พอมาเจอกับกลิ่น Jasmine กับ Orange Blossom ที่อยู่ช่วงกลางเข้าไปมันทำให้กลิ่นดูเป็นกลิ่นหอมหวานแปลก ให้ความรู้สึกคล้ายกลิ่นสารเคมีที่หอมหวานน่าดื่มดำทั้งๆ ที่รู้ว่ามันอันตราย กลิ่นก็กระจายตัวได้ดีใช้ได้ ฟุ้งแบบกำลังดีด้วยเนื้อกลิ่นที่ค่อนข้างหนาทำให้ใครๆ ก็ได้กลิ่น และติดทนนานสมกับที่เป็น EDP ด้วย แบบว่ากลิ่นมันหอมดีเลยกลิ่นดูโดดเด่นพอสำหรับเป็นกลิ่นหลักที่น่าจะวางขายได้นะ แต่ทำไม Dior TH ไม่เอามาวางขายปกติ น่าเสียดาย

Christian Dior Hypnotic Poison EDP 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Poison Girl Unexpected EDT

.

มาถึงกลิ่นล่าสุดในตระกูล Poison กันแล้วนั่นก็คือ Poison Girl Unexpected ที่ออกมาในปี 2018 ถัดมาอีก 1 ปีจากรุ่น EDT ให้กลิ่นที่มีความสดใหม่ด้วยกลิ่น Top notes จากกลิ่น Tranzanian Ginger แบบ Double dose ให้ความสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ เสริมด้วยกลิ่น Spice มอบความ Sexy รวมกับกลิ่น Salty note ดูสดใสแบบ Ginger Tonic ด้วยโน๊ตกลิ่นของ Tanzanian Ginger, Damascus Rose, Venezuelan Tonka Bean, Vanilla, Musk

กลิ่นเปิดมาหอมหวานอมเปรี้ยวใสๆ เหมือนกลิ่นยาสีฟันโคโดโมะสักรสชาติ กลิ่นหอมอมเปรี้ยวแบบเลมอน อมหวานแบบส้ม กับกลิ่นหอมชุ่มฉ่ำให้กลิ่นซ่าคมๆ สาบนิดๆ เหมือนกลิ่นขิงแช่น้ำตอนซื้อไส้กรอกอีสานข้างถนน เมื่อผ่านไปสักพักจะรู้สึกถึงกุหลาบที่ให้กลิ่นบางเฉียบคลอรอบๆ กลิ่น พร้อมกับกลิ่นหอมมันเหมือนถั่วอะไรสักอย่างคู่มากับกลิ่นครีมเนียนๆ ในพื้นหลัง ที่มีกลิ่นวนิลาคลอมาบางๆ

กลิ่นนี้ให้กลิ่นเปิดที่แปลกเกินคาดสมกับชื่อ Unexpected จริงๆ ด้วยกลิ่นที่หอมเปรี้ยวอมหวานแบบกลิ่นยาสีฟันเด็กหอมแนวเบอร์รี่ ซีตรัส ปนกลิ่นเลมอนซ่าๆ แล้วกลิ่นแบบขิงสาบๆ ก็โผล่ขึ้นมาทำเอาคิดว่ามันเป็นกลิ่นแบบนี้จริงๆ หน่ะเหรอ และสิ่งที่ทำให้แปลกใจอีกทีก็คือกลิ่นโดยรวมที่ค่อนข้างเบา กุหลาบบางๆ กลิ่นครีมมี่ มันๆ แบบกลิ่นถั่ว ที่รู้สึกถึงกลิ่นวนิลลา กับ Tonka Bean ที่เป็นจุดเด่นของ Poison Girl น้อยมากจริงๆ แปลกใจเกินคาดเลยละ

ด้วยความแปลกใจในกลิ่นที่ไม่ชัดเจนเหมือนรุ่นพี่ก็จัดการฉีดลองกลิ่นอีกครั้ง ผลก็ยังคงเหมือนเดิมกลิ่นเปิดที่แปลกหอมน่าสนใจ และกลิ่นช่วงหลังที่หอมนุ่มบางเบา แต่ชัดเจนตรงที่ให้กลิ่นช่วงหลังแบบกลิ่นกุหลาบผสมกลิ่นแนวซีตรัสคมใสคลอมากับกลิ่นแบบถั่วหอมมัน ที่ให้วนิลาบางๆ ในพื้นหลัง เป็นกลิ่นที่บางใส โปร่ง และสดชื่นดี กลิ่นไม่แรงกระจายตัวไม่มาก แต่กลิ่นหอมสบาย ติดทนพอประมาณ 4-5 ชั่วโมงพอได้อยู่ ใช้งานง่ายได้ทุกโอกาส เหมาะกับเป็นกลิ่นประจำตัวอีกด้วย ให้ลุ๊คดูสดใส น่ารัก แต่ก็มั่นใจพอประมาณ

กลิ่นล่าสุด และกลิ่นสุดท้ายในตระกูล Poison Girl ที่ได้มาลองกลิ่น ทำเอามึนไปพักนึงเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างน่าผิดหวังด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างบางเบาไปหน่อย แทบจะเป็นกลิ่นติดผิวได้เลย น่าเสียดายกลิ่นเปิดมาอุส่าห์แปลกใหม่ทำเอาแปลกใจตามชื่อได้แล้วด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นแรงคงจะถูกใจแน่นอน กลิ่นแปลกมีเอกลักษณ์ ที่ให้กลิ่นกุหลาบอมเปรี้ยวเนียนๆ ติดตัวไปตลอดวันดูดีเลยละ ส่วนตัวบล็อกนั้นชอบตัว EDP มากที่สุดเพราะกลิ่นมันเข้ม หอมหวานฉ่ำๆ วนิลาเนียนแรงๆ ฟุ้งสะใจ นั่นแหละที่ต้องการเพราะมันแสดงถึงความเป็น Poison ของจริงเหมือนต้นตระกูลที่ทำไว้

Christian Dior Poison Girl Unexpected EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Christian Dior Poison Girl EDT

.

มาถึงกลิ่นต่อไปจาก Dior Poison Girl ในรุ่น EDT ออกมาในปี 2017 ปีถัดมาจากรุ่น EDP ถูกวางให้เป็นรุ่นที่อัพเดทจากรุ่นเดิมให้มีความทันสมัย ที่ทำให้ดูบอบบางขึ้น มีความเป็นผู้หญิงชัดเจน และดูจับต้องได้มากขึ้นกว่าเดิม มีโน้ตกลิ่นหลักๆ คือ Sicilian Sweet Orange, Bitter Orange, Neroli, Grasse Rose, Damascena Rose, Vanilla, Tonka Bean

กลิ่นเปิดยังคงให้ความรู้สึกถึงกลิ่นส้ม กับเลมอนติดขมปลายๆ ที่ให้ความหวานสดใส แต่แทรกขึ้นด้วยกลิ่นหอมหวานข้นคล้ายคาราเมล กับวนิลาหอมมัน แทรกด้วยกลิ่นแบบ Orange Blossom กับกลิ่นกุหลาบเนื้อกลิ่นบางคลอเป็นพื้นหลัง กลิ่นตอนแห้งไปสักพักกลิ่นดอกไม้แบบ Neroli กับ Orange Blossom เริ่มเด่นชัดขึ้นมาพร้อมกับความติดเขียวใสๆ ทำให้กลิ่นจากหวานเข้มนวลช่วงแรกเริ่มลดลง กลิ่นดูใสสดชื้นขึ้นมาก  พอเข้าช่วงกลางของกลิ่นนั้นเริ่มสร้างความหวานนวลฉ่ำๆ กลับเข้ามาในกลิ่นอีกครั้ง กลิ่นหอมกลมของคาราเมลผสมวนิลา และความเนียนครีมแบบ Tonka Bean ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ให้ความหอมมันที่กลมกล่อม แต่เนื้อกลิ่นเบาขึ้นและดูใสสดชื่น

กลิ่นช่วงแรกมันคล้ายกับรุ่น EDP อยู่นะ แต่ช่วงหลังๆ นั้นกลิ่นแบบแค่คล้ายเท่านั้น ด้วยกลิ่นที่หวานฉ่ำน้อยกว่า และมีกลิ่นแบบคาราเมลแทรกขึ้นมาชัดกว่ากลิ่นวนิลาหอมมันแบบที่เจอในรุ่น EDP โดยกลิ่นในช่วงท้ายยังคงเดินตามรอย EDP ด้วยความหวานเนียน ฉ่ำกลมกล่อมของวนิลา กับ Tonka Bean แต่เพิ่มมาด้วยกลิ่นคาราเมลจางๆ ดูหอมสดชื่นดี สรุปแล้วกลิ่นโดยรวมของรุ่น EDT นั้นยังคงให้อารมณ์ประมาณกลิ่น EDP อยู่ไม่หนีหนายไปไหนเพียงแต่มันมีความเบาของเนื้อกลิ่นมากกว่า ลดความฉ่ำของกลิ่นลงพอประมาณ เพิ่มกลิ่นดอกไม้ใสชัดขึ้น มีกลิ่นคาราเมลมาลดความเด่นของวนิลาในช่วงท้ายลง ให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นลิปสติก “มันๆ” เหมือนพลาสติก มีเสน่ห์ยั่วๆ ดี กลิ่นดูใช้ง่ายในสภาพอากาศร้อนขึ้นเยอะ ถึงจะไม่ดูอบอุ่น Cozy แบบรุ่น EDP ก็เถอะ

กลิ่นนั้นเข้มกำลังดี กระจายตัวดีจนอาจจะดีมากด้วย กลิ่นมันฟุ้งตลบในช่วงแรกมาก ระหว่างวันกลิ่นก็ยังคงโชยมาให้รู้สึกตลอดเวลา ซึ่งความทนก็ติดทนนานไม่แพ้รุ่น EDP เลย อยู่ได้ 5-6 ชั่วโมงโดยเฉพาะบนเนื้อผ้าที่ติดนานสะใจ กลิ่นยังคงดูหรู น่าซบ กลิ่นดูสบายเหมาะกับวันที่อากาศอบอุ่นอยู่แล้วไม่ต้องการกลิ่นที่แน่นเกินไป แค่รุ่น EDT ก็โอเคแล้วละ

Christian Dior Poison Girl EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday