ลองชิม Black Dragon Celtic Amber Beer

กระป๋องนี้เคยเห็นมานานมากแล้ว เห็นว่าเป็นเบียร์นอกราคาคงแพงเลยมองผ่านๆ ไปไม่เคยหยิบมาดู ครั้งนี้เจอในตู้แช่ที่เซเว่นเลยดูราคาเห็นว่าราคาไม่แพงเกินก็หยิบมาลองชิมดู กระป๋องแดงรูปมังกรน่าจะรสเข้มละมั้ง

ได้กลิ่นหอมแปลกบอกไม่ถูกว่ากลิ่นเหมือนอะไร สีขอบเบียร์นั้นก็เหลืองเข้มข้นสวยงาม รสชาติคำแรกนั้นให้รสหวานตั้งแต่สัมผัสลิ้น พร้อมกับกลิ่นหอม “มัน” และติดกลิ่นไหม้นิดๆ แปลกดี แต่เแปลกในทางที่อร่อยนะ รสชาติหวานบางๆ ให้ความ”มัน”ติดลิ้นกำลังดี พร้อมกับกลิ่้นหอมไหม้ที่เข้ากันดี ทำให้มันน่าดื่มต่อเข้าไปอีก

สรุปว่าเป็นอีกยี่ห้อที่อร่อย มีจุดเด่นที่สีเหลืองสวย และกลิ่นหอมไหม้บางๆ ที่บอกว่าเป็นกลิ่น Caramel Malt ก็คงจะเป็นอย่างนั้นละ ดื่มง่าย หวาน – เข้ม กำลังดี มีแอล 4% ไม่มากเท่าไหร่ตามราตราฐาน ราคา 59 บาท ก็ทำให้หยิบมาลองได้ไม่ยาก

ลองชิม เบียร์ตะวันแดง Rose [Tawandang German Brewery Rose Beer]

เบียร์ตะวันแดง จะบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่บล็อกได้ยินชื่อยี่ห้อนี้ ไม่เคยได้ยินยี่ห้อเบียร์ชื่อนี้มาก่อน รู้จักแต่ร้านตะวันแดงที่เป็นร้านเหล้าเท่านั้น กระป๋องนี้เจอที่ตู้แช่ในโลตัส มีสองสี สีขาวธรรมดา กับสีชมพูที่เขียนว่า Rose Beer นึกสนุกอยากลองชิมว่า Rose ยี่ห้ออื่นที่ทำมาตามๆ กันจะรสชาติไปทางไหนกันบัางเลยหยิบมาลองชิมดู

กลิ่นหอมเหมือนเครื่องดื่ม Spy สีชมพู ที่ไม่ได้เหมือนพวกกลิ่นเบอร์รี่เท่าไหร่ ชิมคำแรกรู้สึกได้ถึงความซ่าตามด้วยรสหวานแบบเดียวกับกลิ่น ให้ความสดชื่นซาบซ่าดีจนนึกว่าดื่มสปายฯ อยู่ จะรู้สึกถึงรสเบียร์มันๆ ติดลิ้นช่วงท้ายหลังดื่มหน่อยนึง

รสหวานหอมอร่อย ซ่าจนนึกว่าเป็นพวกไวน์ผลไม้ซ่าๆ ซะอีก เป็นเบียร์สีชมพู Rose ตามสมัยนิยมที่ให้กลิ่นเบอร์รี่ไม่แรง รสไม่นัว เหมือนยี่ห้ออื่น แต่ให้รสที่บาง สดชื่น ไม่เหนียวปาก นี่คิดว่าหากที่กระป๋องไม่ได้เขียนว่า เบียร์ ก็ไม่คิดว่าเป็นเบียร์หรอก อร่อย ดื่มง่าย มีแอล 4% มาตรฐาน ปริมาณ 490มล. ราคา 60 บาท ราคาปกติของเบียร์แนวนี้รับได้ และน่าจะได้หยิบมาดื่มอีกหลายครั้งแน่นอน

Perfume Blog: แกะกล่อง Raphael Réplique ขวดยักษ์

สวัสดีบล็อก! ไม่เจอกันนานอีกแล้วกับการเล่าเรื่องน้ำหอมเก่าของบล็อก จริงๆ ก็มันก็ไม่มีอะไรใหม่มาให้เขียนเล่าสักเท่าไหร่ ช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่หาน้ำหอมแล้วขายมากกว่า กำลังสนุกกับการขายของ เพราะไม่รู้ว่าจะขายได้อีกนาน หรือขายเป็นงานเสริมจริงๆ ได้ไหมก็เลยขายให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ ดั้งนั้นน้ำหอมเก่าขวดใหม่ๆ ที่ได้มาก็จะส่งต่อลงขายเลย ไม่ได้เอามาลองกลิ่นอะไร แต่บางขวดเก่าหายาก ขวดสวยก็จะถ่ายรูปสวยๆ ลง IG เป็นที่ระลึก สามารถไปติดตามชมในนั้นได้อยู่นะ

สำหรับวันนี้จะเอาน้ำหอมหายากมาให้ชมกัน เพราะขวดนี้ได้มาแบบลุ้นๆว่าจะมาถึงในสภาพไหน จะแตกระหว่างทางหรือไม่ เริ่มเรื่องคือเจอประกาศขายน้ำหอมขวดรูปร่างเก่า Vintage มากในเว็บมือสอง จากภาพเตะตาตรงจุก Stopper ของขวดที่เป็นแบบ 3 แฉกคุ้นตา เหมือนเคยเห็นมาก่อน กดเข้าไปดูก็ตื่นเต้นเลย เพราะมันคือ Réplique น้ำหอมเก่าแก่ที่ไม่เคยเห็นขวดขนาดจริงทั่วไปสักครั้ง ที่ผ่านมาเคยเห็นแค่ขวดจิ๋ว Mini เท่านั้นเอง แค่เห็นรูปก็กดถามข้อมูลคนขายทันที แต่คนขายก็ไม่ตอบกลับ มองดูนาฬิกาก็อ๋อ… มันกำลังจะตี 1 ของวันใหม่คงไม่มีใครมาตอบคำถามอะไรตอนนี้หรอก เลยทิ้งข้อความขอซื้อไว้ค่อยคุยต่อตอนเช้า สรุปคนขายตอบกลับมาตอนตี 5 ก็คุยขอรูปเพิ่มเติม ตกลงซื้อขายกันตอนตี 5 เลยนี่แหละ นึกแล้วก็ขำ

จากรูปที่ได้รับมาให้ถ่ายเทียบขนาดกับสิ่งของก็ดีใจกว่าเดิม เพราะขวดมันใหญ่มาก ใหญ่จนเกินขวดน้ำหอมปกติ และคิดว่ามันน้่าจะเป็นขวด Factice หรือขวด Dummy สำหรับตั้งโชว์ตามเคาน์เตอร์น้ำหอมในสมัยก่อนซะมากกว่า ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมไปอีกเพราะคิดไว้ว่าอยากจะได้ขวด Factice ใหญ่ๆ สวยๆ สักขวดเอาไว้ถ่ายรูปประกอบฉาก และเป็นขวดของ Réplique ด้วยแล้วยิ่งถูกใจเลย สวย Vintage มาก

ข้อมูลคร่าวๆ ของ Réplique ตามเว็บน้ำหอมบอกว่าออกมาในปี 1944 เป็นน้ำหอมแนว Woody สำหรับผู้หญิง บางที่ก็ว่าแนว Floral Chypre ที่โดดเด่นด้วยกลิ่น Aldehydic Note สำหรับ Réplique นั้นมีขวดบรรจุที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยจุกแก้วหรือ Stopper ที่มี 3 แฉกในแรกเริ่ม ที่ให้รูปร่างของดอกทิวลิป และได้เปลี่ยนเป็น 2 แฉกในช่วงหลังในปี 1965 เป็นข้อมูลที่น่าสนใจทีเดียว

จากข้อมูลที่อ่านก็พอจะระบุช่วงอายุของขวดที่กำลังเดินทางมาถึงว่าอยู่ในช่วงปี 1944 – 1965 ก่อนที่จะเปลี่ยนจุก Stopper ใหม่นั่นเอง เพราะช่วงปีใหม่ๆของ Réplique นั้นมีการเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของก็มีการปรับเปลี่ยนโลโก้ไปหลายแบบเลยตัดช่วงเวลาปีใหม่ๆ ออกไปได้

รายละเอียดของน้ำหอมอ้างอิงจาก / อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Link ด้านล่าง

ขวด Réplique ที่บล็อกมีอยู่ก็เป็นขวดสเปรย์แบบ Atomizer ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในยุคไหน แล้วกลิ่นใช้สูตรดั้งเดิมรึเปล่าเลยไม่ได้เอามาลองกลิ่น ตอนนี้ลงไว้ที่หน้าร้านแวะเยี่ยมชมได้

วันถัดมาพัสดุก็ส่งมาถึง กล่องพัสดุหนักมาก แกะออกมาก็โล่งอก เพราะไม่มีอะไรเสียหาย ขวดอยู่ในสภาพเดิมไม่แตกหัก โชคดีไป สังเกตรอบขวดไม่มีระบุข้อความอะไร มีแค่ใต้ขวดที่ระบุ Made in France เท่านั้น สภาพขวดโดยรวมยังคงสมบูรณ์ ที่เห็นชัดๆ ก็ป้ายชื่อกลิ่นที่ขาดหลุดไปเยอะแล้ว นอกนั้นก็ยังโอเคสวย

แว๊กซ์ซีลประทับตัวอักษร R ก็ยังคงรูปดี ไม่แน่ใจว่าใช่แว๊กซ์จริงไหม มีรอยแตกของพื้นผิวดูเหมือนจริงก็คงใช่แว๊กซ์จริงๆ แหละ ยังดีที่ไม่แตกไปก่อนอยู่ได้จนถึงตอนนี้ทนทานมาก

เชือกที่คอขวดยังคงผูกแน่น แต่สังเกตุตัว Skin หรือเยื้อกระดาษบางๆ ที่คลุมคอขวดไม่อยู่แล้วเหลือแต่เศษเล็กๆ ข้างหลังเชือก คอขวดแก้วมีอาการร้าวนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรรั่ว

น่าเสียดายก็ตรงที่ป้ายชื่อเป็นกระดาษ แล้วก็ขาดเสื่อมไปตามกาลเวลา แต่ก็คิดไว้แล้วว่าจะทำป้ายใหม่มาติดทับ เพื่อทำให้ขวดดูสมบูรณ์ขึ้น เวลาถ่ายรูปจะได้กลมกลืนกว่านี้หน่อยนึง

พอติดป้ายใหม่ทับไปแล้วดูสมบูรณ์ขึ้นทันที ถึงบางจุดจะดูเก่าตามกาลเวลา แต่ดูภาพรวมแล้วสวยมากเลยละ

ขนาดขวดเทียบกับกระป๋องเครื่องดื่มปกติ ก็เรียกว่าใหญ่เกินขวดน้ำหอมที่ใช้จริงในยุคนั้นมาก เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่น้ำหอมจริง แต่เป็นขวด Factice จริงๆ นั่นแหละ สมใจความอยากได้ขวดน้ำหอมที่ใช้ตั้งโชว์ตามเคาน์เตอร์สักที รวมภาพขวดมุมต่างๆ ไว้ใน Gallery ด้านล่างแล้วสำหรับผู้ที่สนใจนะครับ

Raphael Réplique [1944] Factice Perfume Bottle

Food Blog: ลองชิม Singha 89 Cals

ถึงเวลาหยิบเอามาลองสักทีกับ Singha 89 Cals ที่ใครๆ กำลังพูดถึง เบียร์ใหม่ที่แคลอรี่ต่ำ Gluten Free หยิบมามองดูแอล 3.2% แล้วก็วางคืนทุกที วันนี้แหละไม่คิดอะไรมากหยิบมาลองให้มันรู้กันไปว่ามันจะเป็นยังไง ไม่มีมือถือมาถ่ายรูปกระป๋องหน้าตู้แช่เหมือนปกติ เอามาถ่ายที่บ้านละกัน

เปิดกระป๋องมาหอมกลิ่นเบียร์เปรี้ยวๆ หอมน่ากินมาก ชิมคำแรกก็ให้รสชาติเบียร์หวานบางเหมือนกลิ่น สรุปก็เป็นเบียร์สิงห์นั่นแหละ รสอ่อนลง บางๆ จางๆ กับความซ่าที่เหมือนจะซ่าขึ้น รสออกไปทางจืด หวาน ไม่กลม ไม่นัวเหมือนเบียร์ปกติ พอจะเข้าใจไหมบอกไม่ถูก

มาอีกหนึ่งแล้วเบียร์สไตล์นักดื่มยุคใหม่ ดื่มง่าย รสชาติอร่อย ไม่เหม็นเบียร์ ไม่เมาง่าย ดื่มได้นานๆ กระป๋องนี้ 320ซม. มีแอล 3.2% ราคา 41 บาท ก็ถือว่าแพงใช่ได้อยู่ แต่มันก็เบียร์สิงห์ละมันแพงเสมอต้นเสมอปลายเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ ส่วนตัวคงไม่เอาดื่มจริง หรือชิมอีกเป็นครั้งที่สองแล้วละ และ เบียร์สิงห์ 89 นี้ก็บอกไว้ว่าเป็น Gluten Free ด้วย เรียกว่าเชิญชวนนักดื่มหน้าใหม่กันสุดๆ คนไหนแพ้ Gluten ไม่กล้าลองดื่มก็มีโอกาสมาดื่มก็คราวนี้ละ เบียร์เรียกนักดื่มหน้าใหม่แบบนี้ก่อนหน้านี้ก็มี Heineken Silver ออกมาก่อนแล้ว แต่ของ Heineken มีแอลเยอะกว่าหน่อยนึ่ง 4% ราคาไม่หนีกัน รสชาติก็ไปด้วยกันได้ เผื่อใครอยากลอง

Food Blog: ลองชิม Snowy New England IPA Beer

เบียร์หมีรสชาติใหม่มาในชื่อ IPA Beer เป็นรสชาติไสตล์อังกฤษตามที่บรรยายไว้ช้างกระป๋อง มาในกระก๋องสีเงินขาวจั๊ว พร้อมกับตัวหนังสือ IPA โดดเด่น ก็น่าลุ้นว่ารสชาติมันจะแปลกใหม่แค่ไหน่กันเชียว

คำแรกกลิ่นหอมผลไม้พวกซีตรัสฉ่ำ กลิ่นอมเปรี้ยวนิดๆ กับรสชาติคำแรกที่หวานและฉ่ำด้วยกลิ่นซีตรัส ที่ยิ่งให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นไปอีก ให้รสหวานนุ่มเนียนสดชื่นกระจายไปทั่วไปปาก พร้อมกับตบท้ายด้วยความขม เข้มรสคมๆ ติดลิ้นติดปาก ตาสว่างขึ้นมาทันที ให้อารมณ์ดื่มเบียร์ขมกินกับส้มเขียวหวาน ที่มีรสขมติดลิ้นติดปากหลังกินส้มเลย แต่มันก็เป็นรสชาติเข้มแบบรสของผู้ใหญ่ขึ้นมากว่าเบียรหมีดั้งเดิม คมเข้ม นุ่มสุขุม รสชาติหล่อๆ เลยละ

ปริมาณ 490มล. ราคา 79 บาท มีแอล 5% ก็ถือว่าค่อนข้างแพง แต่รสชาติที่ได้มันก็คุ้มที่จะลองชิมได้อยู่สักครั้งนะ แต่อย่าชิมบ่อยถ้าชินกับรสชาติแบบนี้ไปแล้วจะหายี่ห้ออื่นราคาถูกๆ ดืมยากนะ เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน

Food Blog: ลองชิม เบียร์ CHEERS Selection x Yuzu House เบียร์ผลไม้กลิ่นส้มยูสุ [2023]

นานแล้วไม่ได้หาเครื่องดื่มใหม่ๆ มาลองชิม วันนี้ก็ไปที่ตู้แช่ในเซเว่นเหมือนเดิม เจอเครื่องดื่มกระป๋องเล็กๆ หน้าตาแปลกใหม่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ ทำให้นึกย้อนกลับไปว่ามันมีพวกเครื่องดื่มใหม่มาเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่าเราไม่ได้สังเกตกันนะ เลยเลือกมา 1 กระป๋อง เลือกยี่ห้อที่คุ้นเคยมาลองก่อนเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ บียร์ CHEERS Selection x Yuzu House เบียร์ผลไม้กลิ่นส้มยูสุ ดูกระป๋องแล้วเหมือนน้ำอัดลมผสมแอลกอฮอลล์ซะมากกว่าจะเป็นพวกเบียร์ ด้วยหน้าตากระป๋องที่เล็กจิ๋วแบบนี้ มองราคา 44 บาท แล้วเกือบวางคืนที่เดิมในตอนแรก แต่ไหนๆ ก็จะเอามาลองชิมเล่าลงบล็อกเลยต้องลงทุนกันหน่อย

เปิดกระป๋องมาได้กลิ่นหอมเปลือกส้ม มีกลิ่นเปรี้ยวแหลม ซ่า ให้อารมณ์กลิ่นเปลือกส้มเขียวหวานที่แกะเปลือกมีน้ำมันจากเปลือกพุ่งออกมา ให้กลิ่นหอมสดชื่นประมาณนั้น ส่วนรสชาติคำแรกที่รู้สึกคือ “รสเปลือกส้ม” รสชาติน้ำเจื่อนๆ ไม่เชิงจะมีรสหวานอะไร แต่ซ่าอร่อยเหมือนโซดาที่มากับกลิ่นส้ม และรสน้ำส้มจือจางพร้อมกับรสของเปลือกขมติดลิ้น ทิ้งความฝาด หวานอ่อนที่ปลายลิ้น ถ้าไม่บอกว่าเป็นเบียร์ก็คิดว่าเป็นแค่น้ำโซดานะเนี่ย

โดยรวมมันเหมือนน้ำโซดารสส้มนั่นละ แต่เป็นรสส้มที่จางมาก เน้นไปทางกลิ่นส้มมากกว่า อร่อยไหมก็เฉยๆ ไม่อร่อยขนาดแปลกใหม่ แต่ก็ไม่ได้แย่จนดื่มไม่ได้ กลางๆ มีแอล 3% ราคา 44 บาท ปริมาณ 320มล. บอกได้คำเดียวว่าวางแช่ไว้บนชั่นนั่นแหละไม่ต้องหยิบมา ไม่มีครั้งที่สองแน่นอน ราคาที่แพง รสชาติที่ไม่ได้แปลกใหม่ ปริมาณเหมือนโค้กกระป๋อง ไม่คุ้ม ถ้าอยากดื่มเบียร์ผลไม้อร่อยๆ ปริมาณกำลังดี ก็จะเพิ่มราคาไปเบียร์หมีรสชาติต่างๆ คิดว่าคุ้มกว่าให้ความกรึ่ม ได้พอดีกว่าด้วย ยุคนี้สมัยนี้จะดื่มทั้งทีต้องเอาให้คุ้มค่า และให้เมาได้ในระดับนึงถึงจะพอใจละ

Daily Blog: สติ๊กเกอร์ชุดแรกของ MSFS Shop ได้ออกมาแล้ว – MSFS Halloween 2023 Sticker Pack

สวัสดีบล็อก! วันนี้เอาฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ปล่อยสติ๊กเกอร์ชุดแรกลงหน้าร้านทั้งใน Lnwshop.com และ Shopee.co.th แล้ว สติ๊กเกอร์ชุดแรกนี้กะทำออกมารับกับเทศกาล Halloween ที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ไม่ได้อยู่ดีๆ เอามาขายวันนี้อย่างเดียวเลยหรอกนะ ลูกค้าของร้านที่กดสั่งซื้อของในทุกช่องทางเข้ามา ก็จะมีสุ่มได้สติ๊กเกอร์ชุดนี้กันไปบ้างแล้วด้วย วันนี้กะเอาแบบจัดชุด 5 แบบ มาลงหน้าร้านสำหรับคนที่สนใจ และต้องการสนับสนุนบล็อกเพิ่มเติมเท่านั้นเอง

ก่อนอื่นมาเล่าถึงเรื่องคิดจะทำสติ๊กเกอร์กันก่อนนิดนึงละกัน ส่วนตัวบล็อกมีความฝันเล็กๆ ว่าอยากจะวาดรูป แล้วเอามาทำผลงานขายกะเอาเป็นอาชีพเสริมมานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จสักทีเพราะคิดมากไปหน่อย ช่วงหลังมานี้กลับมาฝึกวาดรูปในช่วงเวลาว่างบ้าง แต่ก็ไม่ได้ฝึกประจำอยู่ดี ถึงอย่างนั้นก็วาดรูปได้โอเคเป็นที่น่าพอใจอยู่หลายรูป

ไอเดียทำสติ๊กเกอร์ก็กลับมาในหัวอีกครั้งในช่วงที่เอาร้านใน Lnwshop กลับมาอีกครั้ง ว่าถ้ามีสติ๊กเกอร์ของร้านแจกตามออเดอร์ที่สั่งเข้ามาก็น่าจะดี เผื่อลูกค้าเอาไปติดตามทางเท้า ตามข้างถังขยะ ก็ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์เล็กๆ ก็ดีไม่น้อย เลยกลับมาตั้งใจวาดรูปให้มากขึ้น เก็บรูปเหมาะๆ เอามาไว้ทำสติ๊กเกอร์แจกนี่ละ

สติ๊กเกอร์แบบแรกที่ทำออกมาแล้วแจกไปกับออเดอร์สั่งซื้อของในร้านเริ่มเมื่อช่วงเดือนก่อนนี้ก็เป็นสติ๊กเกอร์หลักของร้าน ที่เพิ่งจะหาร้านพิมพ์สติ๊กเกอร์คุณภาพดีกว่าร้านอิงค์เจ็ททั่วไปหน่อย แล้วก็ราคาไม่สูงมากได้และลองสั่งทำไป 1 งาน ผลงานส่งกลับมาก็โอเคน่าพอใจสำหรับครั้งแรก แต่ร้านนี้ไม่มีการตัดสติ๊กเกอร์ตามรูปร่างของภาพ [Dei-Cut Sticker] มีแต่รูปร่างมาตรฐานทั่วไปน่าเสียดาย แต่ออกมาก็ไม่ขี้เหร่เลย

ครั้งต่อมาเลยเลือกภาพที่วาดไว้สำหรับโปรเจคนี้มา 6 รูป ที่คิดว่าเหมาะกับเอามาทำสติ๊กเกอร์สำหรับ Halloween นี้ แต่สรุปก็เหลือแค่ 5 รูป ที่ได้ไปต่อเพราะงบประมาณไม่พอที่จะทำรูปที่ 6 นั่นเอง ก็เอาที่ไหวก่อนละกัน รูป 5 รูปที่เลือกมาก็เป็นรูปที่วาดออกมาแล้วชอบเป็นพิเศษ

เล่าถึงรูปคร่าวๆ รูปแรกจากด้านซ้ายไปขวา เป็นรูปแรกที่หัดวาดหัวกะโหลก วาดไปวาดมาได้มาเป็นหัวกะโหลกอ้วนยิ้มกริ่มใส่ตัวอักษร IYKYK คำที่เขาว่า If You Know You Know! เข้าไปเข้ากันกับการยิ้มแบบนี้ดี เข้ากับสินค้าที่ขายในร้านด้วยแบบไม่ต้องอธิบายอะไรมากแค่ If You Know You Know! แบบมองตาก็เข้าใจนั่นละ

รูปที่สอง วาดจากแบบแท่งคริสตัล หิน Quatz Crystal ที่ได้มาจากโกดังญี่ปุ่น ที่ใช้แทนลูกแก้วทำนายดวงบนเบาะผ้านุ่มๆ ดูพิศวงดี

รูปที่สาม หัดวาดหัวกะโหลกในมุมมองอื่น จากรูปก็เห็นว่ารูปไม่ละเอียด ไม่สมส่วนเท่าไหร่แต่ก็ดูมีเอกลักษณ์ดี วาดแก้วเบียร์ใส่เข้าไปเพราะตอนวาดกำลังดื่มอยู่ พร้อมกับคำที่ลอยเข้ามาในหัว Live Fast Die Young. คำติดหูที่จำมาจาก Music Video ของ Lana Del Ray จนมาเป็นประโยคที่ได้เข้ากับธีมเป็น Drink Fast, Die Young. นั่นละ

รูปที่สี่ จะเป็นธีม Halloween ไม่ได้ถ้าไม่มีรูปฟักทอง Halloween เลยวาดฟักทองที่สมองไส้ในระเบิดออกมาจากฝาเป็นเมล็ดฟักทองกระจายไปทั่ว

รูปที่ห้า แมวดำพระจันเสี้ยวที่ขู่คำราม วาดยากเหมือนกันเพราะไม่เคยวาดรูปสัตว์เหมือนจริงแบบนี้มาก่อน วาดแล้วก็ต้องมานึกว่าจะลงสีดำแบบไหนดีอีก รูปนี้คิดนาน ลบแล้ววาดใหม่หลายรอบมากแต่ออกมาแล้วก็น่าพอใจอยู่นะ

ส่วนรูปที่หก ที่ถูกขัดตกรอบไปเพราะงบประมาณจำกัดนั้น รูปนั้นก็คือรูปแม่มดในนิยายเด็ก แม่มดแก่ จมูกโต ฟันแหลม ผมฟู ใส่หมวกสูง นั่นเอง รูปนี้วาดล่าสุดไม่อยากเอาออกแต่ก็ต้องเลือกเอาออกอยู่ดี เอารูปมาให้ชมด้านล่างนี้แล้ว

พูดถึงว่าบล็อกวาดรูปทำสติ๊กเกอร์เอง แต่ลายเซ็นตัวยอกในของทุกรูปกลับไม่ใช่ชื่อบล็อกนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจไป ตัวย่อ SDB เป็นชื่อย่อของอีกบล็อกนึงที่เอาไว้ทำผลงานเกี่ยวกับการวาดรูปของตัวบล็อกเอง ชื่อว่า Same Day Blog เพราะสมัยที่เริ่มหัดวาดรูปเมื่อหลายปีก่อนคิดว่าจะต้องมีชื่อในวงการกับเขาบ้างเผื่อผลงานเป็นที่รู้จัก คิดชื่อหลายชื่อแต่ก็เลือก Same Day Blog ด้วยสโลแกน “ทุกๆ วันก็เหมือนวันเดียวกัน” คือทุกวันก็เหมือนกับวันนี้แหละแค่มีเรื่องให้เจอใหม่ๆ ทุกวัน พอหมดวันก็กลับมาจุดเดิมเหมือนกันทุกวัน ประมาณนี้ อ่านแล้วพอเข้าใจกันไหมแต่ก็ชอบชื่อนี้ไปแล้วและก็ใช้มานานแล้วด้วย สามารถติดตามผลงานได้ตามที่อยู่ด้านล่างเผื่อสนใจนะครับ

Instagram: Samedayblog

Twitter/X : BlogSameDay

Tumblr: samedayblog.tumblr.com ใน Tumblr นี้จะมีงานเก่าๆ ที่เคยวาดไว้สมัย FacebookPage ด้วย

WordPress: samedayblog.wordpress.com/

อนาคตก็คงจะหาร้านที่ทำสติ๊กเกอร์แบบ Die-Cut ได้ แล้วก็จะทำให้หลากหลายขึ้น และเป้าหมายสำคัญที่จะเก็บเงินซื้อเครื่องพิมพ์ กับเครื่องตัดสติ๊กเกอร์ เอามาทำเองให้ได้ด้วย แต่ก่อนถึงตอนนั้น ขอตอนนี้ยังไม่มีคนเห็นผลงานแล้วซื้อสติ๊กเกอร์ก่อนสักชุดเถอะ แล้วแค่อยคิดถึงตอนหาอุปกรณ์มาผลิตเอง 555 วันนี้ก็มาเล่าถึงเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นเท่านี้ก่อน โอกาสต่อไปจะเข้ามาเล่าเรื่องอะไรไว้ติดตามอ่านกันนะครับ

Food Blog: ลองชิม HOSHI High Ball เครื่องดื่มแอลสูง 9%alc ในราคา 39 บาท

เพิ่งเห็นว่าที่เซเว่นมีเครื่องดิ่มกระป๋องที่แอลสูงๆ ขายกันบ้างแล้ว ตอนนี้เห็นมี 2 รสชาติ ถือโอกาสที่เจอหยิบเอามาลองชิมหนึ่งกระป๋อง เป็นเครื่องดื่มของที่ผลิตในประเทศไทยนี่ละ หน้าตาดูละม้ายคล้ายของญี่ปุ่นเหลือเกินด้วยลายกราฟฟิก ตัวอักษรที่ชวนให้คิดไปว่ามันเป็นของญี่ปุ่นแบบพวก Suntory อะไรแบบนั้น เล่นลูกไม้แบบนี้อีกแล้วพี่ไทยเรา รสชาติที่หยิบมาเป็นรส โคล่าเลมอน ชื่อยี่ห้อว่า Hoshi High Ball  ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่มาลองชิมกันดีกว่า

เปิดกระป๋องมาได้กลิ่นหอมเหมือนโคล่า กับ เหล้า (Whisky) หอมเย็นน่าดื่ม ลองชิมคำแรกสัมผัสถึงรสหวานซ่า ตามด้วยรสแบบเหล้าสี จางๆ ปนกับกลิ่นมะนาวผสมกับโคล่าที่หอมสดชื่น รวมกันแล้วให้รสกับความรู้สึกที่อร่อยดีมากๆ มีติดรสเหล้านิดหน่อยหากคนไม่ชอบก็น่าจะไม่ดื่มอยู่แล้วละ แต่รวมๆ ดื่มง่าย กลิ่นหอม เมาเร็ว ครบ จบสูตร

กระป๋องนี้แอลสูง 9% คิดว่าพอดีสำหรับเครื่องดื่มในขนาด 330 มล. ที่กระป๋องเดียวเหมาะกับมื้ออาหารหนึ่งมื้อ เรียกว่ากำลังดีเลย แต่สำหรับคนที่ชอบละเลียด ชอบค่อยๆ บิ้วไปเรื่อยคงไม่ตอบโจทย์ เพราะมันมีน้อยดื่มแป๊บๆ ก็หมดกระป๋อง แถมแอลสูงมึนเร็วใช้ได้ เหมาะกับจิบคู่กับมื้ออาหารมากกว่า ในราคา 39 บาท กับแอล 9% ก็โอเคนะ คุ้ม ดื่มแบบประหยัด ก็ได้กรึ่มกำลังดีพร้อมเข้านอนเลย

Perfume Blog: Vintage Perfume Haul [2023 – Part 1][Christian Dior + CHANEL][Diorissimo, Miss Dior, Poison, Tendre Poison, Jules, Miss Dior Cherie, Allure, No19, Cristalle, Pour Monsieur]

สวัสดีบล็อก! ห่างหายไปนานกับบล็อกน้ำหอมเก่าที่ได้มาเก็บสะสม วันนี้ได้โอกาสรวบยอดน้ำหอมเก่าสวยๆ ในช่วงรอบปีที่ผ่านมาว่าได้กลิ่นไหนมาบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่กับ 2 แบรนด์หลักที่ชอบนั่นก็คือ Christian Dior และ CHANEL ละ

เริ่มต้นด้วย Christian Dior แบรนด์รักของบล็อก ช่วงที่ผ่านมาคอยตามเก็บ Poison ที่ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดๆ เน้นตัว Tendre Poison เป็นหลัก ไม่รู้ทำไมว่าตัวบล็อกเองจะหมกมุ่นกับ Tendre Poison มากนัก คงเพราะเป็น Poison ที่เลิกผลิตไป และยังคงหามาเก็บได้ละมั้ง ส่วน Midnight Poison นั้น ก็หาแต่ไม่หวังมากเท่าไหร่ ด้วยความหายาก และราคาสูง เล่ามาซะยาวมาดูขวดที่ได้มากันดีกว่า

ขวดแรกเป็น Poison แบบ Cologne แบบขวดแก้วขนาด 50ml ขวดนี้ได้มาแบบขวดเปล่าจากร้านมือสอง หายากแต่ก็โชคดีที่ไปเจอ ต่อมาเป็น Poison 50ml ขวดสเปรย์ที่เหลือเกือบครึ่งขวด ได้จากในกลุ่ม Facebook เห็นราคาไม่แพงก็ไม่เสียหายที่จะเอามาเก็บไว้ ต่อมา Tendre Poison 30ml ขวดเล็กน้ำหอมเกือบครึ่งขวด ได้มากจากโกดังญี่ปุ่น ตอนไปเจอวางโดดเดียวอยู่ขวดเดียวสภาพฝุ่นเขรอะถึงว่าไม่มีใครอยากได้ แต่เราสามารถทำให้มันดูใหม่เองได้ง่ายๆ แถมราคาไม่แพงด้วย ขวดต่อไป Tendre Poison ขวดจุกแก้วแบบแต้ม ขนาด 100ml ไซส์นี้หายากมาก ได้มาราคาก็แพงอยู่สภาพพอใช้ มีรอยขูดขีดบนขวดเยอะหน่อย แต่เอาไว้ก่อนกันเหนียว ต่อมาเป็น Miss Dior ขวดแต้มฝาเกลียวรุ่นเก่ามาก ไซส์ 57ml จากโกดังญี่ปุ่น ราคาค่อนข้างแพงแต่ดูจากสภาพ และปริมาณน้ำหอมแล้วก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ ได้มาเก็บ 1 ขวด ต่อมาเป็น Miss Dior ไซส์ 7.5ml แบบ Parfum 2 ขวด แต่เป็นขวดรูปร่างเสาโรมัน ที่เป็นรุ่นเก่า หน้าตารุ่นก่อนหน้าที่เคยเห็นขวด 7.5ml ทั่วไป ต่อมาเป็น Miss Dior Cherie 50ml ขวดเปล่า จริงๆ ได้มาเป็นน้ำหอมก้นขวดจากในกลุ่ม เอามาเก็บให้ครบๆ รุ่น ขวดสุดท้าย Jules EDT 7ml กลิ่นที่ไม่เคยลองมาก่อน ได้เห็นตัวจริงครั้งแรกถึงจะเป็นแค่ขวดจิ๋วก็เถอะ

Christian Dior Poison Eau de Cologne 50ml

Christian Dior Poison EDT 50ml

Christian Dior Tendre Poison EDT 30ml

Christian Dior Tendre Poison EDT 100ml Splash

Christian Dior Miss Dior EDT 57ml Splash

Christian Dior Miss Dior Parfum 7.5ml

Christian Dior Miss Dior Parfum 7.5ml

Christian Dior Miss Dior Cherie 50ml

Christian Dior Jules Edt 7ml

ชุดต่อไปเป็นกลิ่น Diorissimo จาก Christian Dior กลิ่นยอดฮิต กลิ่นยอดนิยมจากโกดังญี่ปุ่น กลิ่นนี้เจอบ่อยมากๆ ตามร้านมือสอง ขวดมีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายขนาดมาก ที่ญี่ปุ่นในยุคนั้นคงจะชอบกันมากจริงๆ

หลายขวดของ Diorissimo ที่เลือกมาเก็บครั้งนี้จะเป็นขวดที่ไม่ค่อยเจอ ขนาดที่แปลกหน่อย ขวดแรกเป็นขวดสเปรย์ EDT เป็นรุ่นที่มีแค่ตัวหนังสือสีขาวสกรีนบนขวด ในขนาด 100ml ที่ไม่เจอบ่อย ได้จากโกดังญี่ปุ่นในราคาที่ยังไงก็ต้องหยิบไว้ก่อน ขวดต่อมาเป็นความเข้มข้นแบบ Parfum ขนาด 15ml ในขวดจุกแก้วแบบแต้มรูปร่างดั้งเดิมคลาสสิค ได้มาพร้อมกล่องสภาพดีมากๆ อีกด้วย ขวดนี้แย่งซื้อมาในเพจน้ำหอมเพจนึงสนุกดี ต่อมาเป็นขวดเล็กรูปร่างคุ้นเคย ความเข้มข้น Parfum แต่มาในขนาด 3.5ml ขวดสั้นกว่าแบบขวด 7.5ml ที่คุ้นตา ได้มาพร้อมกล่องสมบูรณ์มาก ขวดสุดท้ายเป็นแบบปลอกน้ำหอมโลหะแบบพกพา รูปร่างแปลกพิลึก ไม่สวยเท่าไหร่ดูเชยๆ ด้วย ขนาด 10ml แต่ที่สำคัญเป็นความเข้มข้นแบบ Esprit De Parfum ที่ไม่ค่อยเจอ ขวดนี้หาวิธีแกะดูปริมาณน้ำหอมด้านในไม่ได้ แต่ก็มาพร้อมกล่องเนียนๆ เลย

Christian Dior Diorissimo EDT 100ml

Christian Dior Diorissimo Parfum 15ml

Christian Dior Diorissimo Parfum 3.5ml

Christian Dior Diorissimo Esprit De Parfum 10ml

ต่อไปเป็นน้ำหอมจาก CHANEL ได้มานิดหน่อย เพราะไม่ค่อยชอบรูปร่างขวดของค่ายนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นขวดทรงกระบอก ตรงๆ ทือๆ สไตล์โมเดิร์นตามยุคสมัย เลือกมาเฉพาะกลิ่น และรุ่นที่ชอบจริงๆ เอามาเก็บสำหรับค่ายนี้

ขวดแรกนั้นคือ Cristalle EDT ไซส์แปลก 60ml เป็นอีกกลิ่นที่กำลังจะ Discontinued ในเร็วๆ นี้ ได้รุ่นเก่ามาเก็บ 1 ขวด ต่อมา Pour Monsieur EDT Concentree ขวด 30ml ไซส์เล็กน่ารักดี ต่อไปเป็นน้ำหอมแบบ Purse Spray หรือแบบพกพาจาก CHANEL ในหน้าตาเก่าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Twist and Spray ที่มีในปัจจุบัน ได้กลิ่น Allure กับ N°19 แบบขวด Tester ขนาด 15ml มาอย่างละขวด ส่วนขวดสุดท้ายเป็น Allure Parfum 7.5ml ในขวดโลหะพกพา เป็นหน้าตาขวดพกพาที่สวย และหรูสุดจาก CHANEL ในครั้งนี้

CHANEL Cristalle EDT 60ml

CHANEL Pour Monsieur EDT Concentree 30ml

CHANEL Allure EDT, N°19 EDT 15ml Purse Spray

CHANEL Allure Parfum 7.5ml Purse Spray

Travel Blog: ทริปเกาะช้าง จังหวัดตราด ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สวัสดีบล็อก! ไม่ได้มาอัพเดทบล็อกนานมาก มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ ช่วงที่ผ่านมา หลายๆ คนอาจจะเห็นใน IG แล้วว่า ปลายเดือนมีนาคม ได้ไปเที่ยวเกาะช้างมา ใช่แล้วนั่นแหละช่วงเวลาพักผ่อนที่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดประจำปีช่วงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ปีนี้ได้ไปเที่ยวชมที่เกาะช้าง เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเลยนะ

รูปภาพบรรยากาศวิวบนเกาะช้างที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมสามารถแวะเช้าไปชมได้ที่ IG ลงภาพไว้ในอัลบั้มไว้หลายโพสเลย ฝากเข้าไปกด Like แวะเข้าไปชมภาพบรรยากาศได้ที่ IG ด้านล่างได้เลยนะ

ทริปเกาะช้างครั้งนี้ไปกับที่ออฟฟิต ก็จะได้ภาพวิวมาเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่เอาภาพถ่ายคนอื่นมาลงร่วมด้วยเพื่อความเป็นสวนตัว เริ่มต้นออกเดินทางจากโคราชตอนตี 3 ไปถึงท่าเรือเฟอร์รี่ตอนช่วง 10-11.00 น. ก็ถือว่าโอเค ตอนขึ้นเรือเฟอร์รี่นั้นสนุกมาก เพราะเป็นการขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากเป็นครั้งแรก เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหมไม่เคยเจอ พอเรือเทียบท่าเกาะช้างแล้วเดินทางต่อด้วยรถตู้ของรีสอร์ทที่พัก มาจอดรอรับที่ท่าเรืออยู่แล้ว

เดินทางผ่านตัวเมืองของเกาะช้าง ผ่านโรงแรม รีสอร์ท ร้านค้ามากมาย เส้นทางคดเคี้ยวอยูในรถตู้ก็เหวี่ยงดี ให้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่รีสอร์ที่พักที่จองไว้จะอยู่ไกลออกไปจากจุดท่องเที่ยงหลักหน่อย ที่พักในครั้งนี้คือ ไชยเชษฐ์รีสอร์ท อย่ในส่วนแหลมไชยเชษ์จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน โชนรีสอร์ดนั้นดีมาก เงียบสงบ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อหน้าทางเช้าครบครัน เสียอย่างเดียวคือชายหาด ชายหาดที่นี่เป็นโขดหิน ทำให้ไม่น่าลงน้ำเล่นสักเท่าไหร่

ช่วงบ่ายในวันแรกที่ไปถึงรีสอร์ทนั้นก็พักผ่อน กับตอนเย็นไปดูวิวพระอาทิตย์ตกดินที่แหลม ไชยเชษฐ์ เป็นจุดชมวิวที่ต้องปีนโขดหินขึ้นไปสูงมากเพื่อวิวสวยๆ จากภาพใน IG นั่นละ แต่ก็คุ้มเสี่ยงนะ วิว 360 องศา มันสวยจริงๆ

ทริปนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน วันแรกไปถึงก็พักผ่อน วันที่ 2 มีทริปดำน้ำชมเกาะ 3 เกาะ สนุกดีใช้ได้ ดูรูปประกอบจาก IG ด้านบนได้เลยนะ เกาะส่วนใหญ่ไม่มีหาดทรายละเอียด เป็นหาดทราบหินสั้นๆ ที่สามารถดำน้ำตื้นดูปลาได้ มีดำน้ำลึกอยู่ระหว่างเกาะที่ไปชม แต่ส่วนตัวไม่ได้ลงไปดำน้ำกับเขา เพราะกลัวลอยน้ำไปไกล จากประสบการณ์ที่เคยไปทริปดำน้ำกระบี่ครั้งก่อน เลยไม่ได้ลงไปดูปลาเหมือนกับคนอื่น แต่แค่ดูวิวจุดต่างๆ ก็คุ้มแล้วละ ทริบดำน้ำใช้เวลาประมาณแค่ครึ่งวัน

123

ช่วงบ่ายมีเวลาได้ไปเดินหาของกิน แวะร้านอาหารท้องถิ่นชิมด้วย และก็ไม่ผิดหวัง อาหารอร่อย ราคาถูกคุ้มสุดๆ

ตอนช่วงเย็นก็ได้เดินชมอาทิตย์ตกก่อนทานอาหารค่ำอีกครั้ง เพิ่งเคยเห็นว่าอาทิตย์ดวงสีแดงเลื่อนลงสุดขอบฟ้าแบบรวดเร็วมากจนน่าตกใจ เป็นอาทิตย์ตกที่น่าทึ่งมากๆ ไม่คิดว่าจะพระอาทิตย์จะเลื่อนลงตกขอบฟ้าไปเร็วขนาดนี้ แต่ก็ได้ภาพวิวในรีสอร์ทดมาเก็บไว้ดูทีหลังได้อยู่

เช้าวันสุดท้ายบนเกาะช้าง ตื่นมาสายกว่าทุกวันหน่อย แต่ก็มีเวลามากพอที่จะไปทานอาหารเช้ากับเดินเก็บแปลือกหอยตามชายหาดยามเช้า วิวยังคงสวยเหมือนเดิม แตกต่างตรงที่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นแล้วนี่สิ พยายามเใช้เวลาให้คุ้ม ซึมซับบรรยากาศที่หาได้ยากแบบนี้ให้มากที่สุด แต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายภาพวิวนั้นกลับมาด้วย

พอถึงเวลากลับรถตู้ก็มารอที่หน้ารีสอร์ท พาเดินทางผ่านเกาะช้างไปที่ท่าเรือเฟอร์รี่กลับแผ่นดินใหญ่ ขากลับนี้รู้สึกเศร้าหน่อยๆ เพราะยังอยากอยู่บนเกาะต่อ อยากไปที่เที่ยวอื่นๆ อีก แต่ถึงเวลาก็ต้องกลับนั่นละ ทำใจ

ทั้งภาพ ทั้งคลิปขากลับที่ถ่ายมานั้นมันให้อารมณ์เศร้า ปนเหงาหน่อยๆ ทุกภาพเลย คงเป็นเพราะคนถ่ายมันรู้สึกแบบนั้นนั่นละ แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ไปเกาะช้างครั้งแรก ขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากครั้งแรก ใช้เวลาบนเกาะถึง 3 วัน นานสุดครั้งแรก ชอบมากประทับใจ แอบคิดว่าถ้ามีโอกาส มีเงินก็จะหาเวลาไปเที่ยวเองคนเดียวเงียบๆ นานๆ บนเกาะก็คงจะมีความสุขดีไม่น้อย

จบแล้วกับทริปเที่ยวพักผ่อนต้นปีของปี 2566 นี้ ปลายปีไม่รู้จะได้มีโอกาสไปเที่ยวอีกไหม ไว้จะเอามาเล่า กับเอารูปมาฝากให้ชมและอ่านกันนะครับ

Daily Blog: ร้านใน LNWShop.com กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งแล้วนะ

สวัสดีบล็อก! วันนี้ก็ยังคงเป็นความพยายามเปิดร้านค้า Online ใหม่อีกครั้ง รอบนี้กลับไปที่ LNWShop.com เว็บไซต์ร้านค้าดั้งเดิมที่เป็นต้นกำเนิดบล็อกนี้นั่งเอง

นึกไปนึกมาจะสร้างร้านของตัวเองยังไงให้คุ้มค่าที่สุด ไม่โดนหักค่าบริการมากมายอย่างใน Shopee หรือ เสียค่าลงประกาศขายสินค้าแบบใน Kaidee ก็นึกถึงอดีตอย่างร้านค้าใน LNWShop.com ที่เคยสร้างไว้ห้าปีก่อนนั่นไงละ เลยกลับไปดูที่บัญชีเก่า ดีใจมากที่ยังสมารถใช้งานได้ โดยระบบร้านค้านปัจจุบันได้มีการปรับปรุงระบบให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นมาก แต่ก็ต้องซื้อแพ็คเกจบริการเพิ่มเติม ก็ยังโอเคละ ใช้ระบบร้านค้าแบบธรรมดายังคงได้อยู่ ไว้มีรายได้มากขึ้นค่อยซื้อ Domain ร้านค้าของตัวเอง กับซื้อบริการจ่ายเงินผ่านช่องทางบัตรเครดิตทีหลัง ตอนนี้เลยทำการลงทะเบียรร้านค้า กับบันทึกข้อมูลสินค้าเข้าร้านไว้รอ

โดยร้านใน LNWShop.com นั้นสามารถตั้งราคาสินค้าได้ถูกลงกว่าใน Shopee เพราะไม่ต้องมีเสียค่าธรรมเนียมลงขายสินค้า น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่ตัดสินใจกลับมาทำร้านบน LNW นี้

ก็เลยอยากเชิญชวนลูกค้าในอนาคตที่อยากจะซื้อสินค้าของบล็อก แต่รู้สึกว่าราคาแพงไปก็สามารถเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ในร้านค้าใหม่ที่ http://www.msfsshop.lnwshop.com ด้วยนะ เป็นโอกาสอันดีแล้วคราวนี้

  • 2023, March 31

Daily Blog: ถึงเวลาเปิด Facebook Page ร้านค้าแล้ว

บล็อกวันนี้ก็ตามหัวข้อเลย วันนี้ได้ทำการสร้าง Facebook Page ร้านของบล็อกแล้ว หลังจากคิดมาสักพักเพราะไม่อยากไปทำอะไรวุ่นวายใน Facebook สักเท่าไร่ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ายังไงคนก็เข้าถึง Facebook เป็นหลักอยู่ดี ตัวบล็อกเองก็ยังไปตามหาน้ำหอมเก่าตาม Page ตามกลุ่มใน Facebook แล้วทำไมไม่เปิด Page ร้านของตัวเองบ้างละ ก็เลยเป็นเหตุให้มาแจ้งข่าวในบล็อกวันนี้ ว่าได้เปิด Page Facebook แล้วนะแวะไปเยี่ยมได้

แต่เหตุผลจริงๆ ก็เป็นเรื่องขายของนี่แหละ ลงขายใน Kaidee.com ก็ไม่ Work ต้องคอยจ่ายเงินลงประกาศแบบไม่เห็นจุดหมาย ส่วนลงขายใน Shopee ขายได้ง่ายขึ้น ลงประกาศได้ไม่จำกัด แต่ค่าบริการขายแต่ละครั้งนั้นแพงใช้ได้ และระบบคัดกรองสินค้าที่เน่าๆ ชอบให้สินค้าเราเป็นบุรี่ เป็นของต้องห้ามอยู่นั่นแหละน่าเบื่อ ถึงอย่างนั้นก็ชอบขายทาง Shopee อยู่เพราะขายง่าย ผู้ซื้อไม่ถามเยอะ จ่ายเงินง่ายหลายช่องทาง ยังคงลงขายใน Shopee เป็นช่องทางหลัก ส่วน Facebook Page นั้นเอาไว้เสริมเผืออนาคตมีคนรู้จักร้านมากขึ้น ขายผ่านทาง Inbox กับผู้ซื้อโดยตรงแบบ F ของตาม Page อื่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียค่าบริการ และจะได้ตั้งราคาให้ถูกลงได้มากขึ้นอีกไม่ต้องตั้งราคาเผื่อค่าบริการขายอีกด้วย

บ่นมายาวมาดูร้านกันดีกว่า ใช้ชื่อร้านว่า MSFS Second-Hand & Vintage Shop รวมๆ ก็ยังเป็น MSFS Shop อยู่ คำว่า MSFS หลายคนอาจจะสงสัยมานาน มันมาจากคำว่า “My Stuff For Sale!” เป็นประโยคที่คิดไว้ตั้งแต่เริ่มตั้งร้านใน Lnwshop.com สมัยก่อน แล้วก็ใช้มาจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงชื่อบล็อกนี้ด้วย ส่วน Facebook Page ใช้ MSFS Shop ไม่ได้ เลยใช้เป็น Facebook.com/MSFSVintage แทนก็พอได้อยู่ละน่า ของที่จะลงขายก็จะเป็นของมือสอง ของเก่า ที่จะเน้นลง “น้ำหอม” เป็นหลักตามความชอบนั่นละ

จบแค่นี้ มาแจ้งข่าวอย่าลืมไปเยี่ยมชม ไปช่วยอุดหนุนร้านเล็กๆ ด้วยนะครับ (ลืมบอก ต่อราคาได้อยู่นะ บางชิ้นราคาแพงผิดปกติ ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะยังทำใจขายไม่ได้ ยังเสียดายอยู่ แต่ก็อยากลงขาย เป็นความคิดสับสนของตัวบล็อกเอง 555)

  • March 12, 2023

Daily Blog: ฤดูร้อนเดินทางมาถึงซะแล้ว

นี่แค่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ คลื่นความร้อนอบอ้าวก็แผ่มาให้รู้สึกได้อย่างเต็มที่ เป็นสัญญาณของฤดูร้อนอันน่ากลัวได้วนกลับมาอีกครั้ง หลังจากได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นมาอย่างยาวนานกว่าครั้งก่อนๆ

อย่างที่เคยบ่นลง Twitter ไปบ้างแล้วเรื่องหน้าที่การงาน งานยังคงมีมากองรออย่างที่ไม่ต้องการให้พักอย่างเคย มาเร็วเหมือนช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านปีใหม่ แต่ไม่เคยคิดจะจากไปให้เร็วบ้างเลย แต่ก็เป็นงานบ่นบ้าง พอให้มีแรงกระตุ้นทำงานต่อไป

ถึงเวลาที่จะเล่าเรื่องรางวัลชิงโชคจากปีก่อนแล้ว ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็ได้รับรางวัลเรียบร้อย เป็นโชคดีที่มาแบบบังเอิญไม่คาดคิด

เป็นรางวัลทองคำ 1 สลึง ที่ได้จากการส่งรหัสจากห่อกระดาษ idea ไปชิงโชค ซึ่งปกติก็ส่งรหัสไปลุ้นอยู่ตลอดอยู่แล้ว ส่งไปลุ้นอยู่ 3 ปีกว่าๆ เลยละ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ถูกสุ่มรหัสได้รับรางวัล

รับรางวัลก็ไม่ยุ่งยากไม่ต้องเดินทางไปรับเอง มีเจ้าหน้าที่นำมาส่งให้ถึงที่ทำงาน เซ็นเอกสารรับรางวัล โอนชำระภาษี แป๊บเดียวเสร็จสะดวกดีมากๆ

และแน่นอนรางวัลในครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนสถานะไปเรียบร้อยแล้ว เป็นไก่ KFC บ้าง เป็นของเล่นบ้าง เป็นทุนขายของบ้าง และเก็บเอาไว้บ้าง

นี่ละรางวัลที่ได้มาครั้งนี้ หวังว่าครั้งต่อไปจะมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกบ้างนะ!

  • February 11, 2023

Daily Blog: ผ่านปีใหม่มาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว!

สวัสดีบล็อก! ปีใหม่นี้ก็ผ่านมาสามอาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วเหมือนทุกครั้ง หรืออาจจะเร็วกว่าทุกครั้งก็ได้ คงเพราะปีนี้มีอะไรต้องทำเยอะจนไม่ได้คิดถึงเรื่องเวลาในแต่ละวันที่หมดไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนกับงานที่ยังคงมีรออยู่เสมอๆ ไม่รู้จักเสร็จสิ้น

วันที่ 13 ที่ผ่านมาเป็นวันที่มีหมอกลงหนาในช่วงเช้าเป็นครั้งแรกของปี ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด ที่ไม่มีโอกาสได้เจอบ่อยๆ น่าตื่นเต้นที่มองไม่เห็นถนนข้างหน้าเราแปลกดี

วันนี้หยุดอยู่บ้านไม่มีอะไรต้องทำมากนักเพราะเกิดปัญหาน้ำประปาไม่ไหล ไม่ไหลมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 แล้วละ คิดว่าคงหยุดไหลไม่นาน แต่ก็หยุดเอามาจนถึงวันนี้ เลยไม่ต้องซักผ้า ไม่ต้องล้างจาน และไม่ได้อาบน้ำมาวันนึงแล้ว ยังดีที่เมื่อวานอากาศเย็นไม่แย่เท่าไหร่ ปัญหาของน้ำไม่ไหลก็คือท่อน้ำหลักของเขตที่อยู่แตก จากการก่อสร้างท่อระบายน้ำ ปัญหาเดิมตลอด! ไม่รู้ทำไมเวลาจะปรับปรุงอะไรที่ต้องขุดดิน ไม่ประสานกับหน่วยงานเพื่อเลี่ยงท่อน้ำก็ไม่รู้ สุดท้ายก็เกิดปัญหา มีรถส่งน้ำช่วยเหลืออยู่นะแต่ไม่เคยได้รับ เห็นแค่ขับผ่านไปมาไม่มาแจกน้ำตรงบ้านเราบ้างไม่รู้

แต่วันนี้ก็ได้อาบน้ำแล้วเพราะเอาน้ำที่สำรองไว้อย่างน้อยนิดก็เพื่อจุดประสงค์นี้ พรุ่งนี้จะได้มีน้ำใช้ก่อนไปทำงาน 😑

ถึงอย่างนั้นสองสามวันนี้ก็ได้คำสั่งซื้อผ่านร้านใน Shopee อย่างงงๆ มาหลายคำสั่งซื้อ หลังจากเงียบไม่มีคำสั่งซื้อมาตั้งแต่ต้นเดือน ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นมาแบบไม่ได้คิดไว้

พูดถึงร้านค้าของบล็อก คิดว่าจะพักร้านใน Kaidee ไว้สักพัก เพราะลงประกาศขายแต่ละครั้งต้องเสียเงิน 10 บาท แต่ก็ไม่ได้คำสั่งซื้อเท่าไหร่ แล้วประกาศที่ลงก็หมดอายุทุก 30 วันด้วย ถ้าจะต้องจ่ายแต่ละประกาศ ประกาศละ 10 บาท เพื่อต่อเวลาประกาศไปเรื่อยๆ แล้วคงคิดว่าน่าจะเสียเปล่า เน้นไปที่ Shopee เป็นหลักก่อนช่วงนี้ ถึงจะโดนหักค่าบริการคำสั่งซื้อละเกือบ 13% แล้วก็ตาม แต่ก็ได้ยอดขายไม่เสียเงินเปล่าละ

และต้องไม่ลืมเรื่องดีๆ หรือเรื่องที่โชคดีอีกอย่างของช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คือ ได้รางวัลจากการส่งชิงโชคเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นรางวัลที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เลยก็ว่าได้ เพราะส่งมาตลอดหลายปีไม่เคยได้รางวัลอะไรกลับมาเลย โชคดีรับปีใหม่เป็นครั้งแรกเลยนะ ✨ส่วนรางวัลจะเป็นอะไรนั้นไว้จะมาเล่าให้อ่านกันอีกที ขอเก็บไว้ก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับ ต้นทางแจ้งจะส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้แล้ว 🥰

ช่วงนี้ก็ไม่ได้มีอะไรลงบล็อกใหม่สักเท่าไหร่อย่าเพิ่งเบื่อไปก่อนนะครับ ติดตาม Twitter ไว้ดูรูปของกินไปพลางๆ ก่อนได้ช่วงนี้นึกคึกลงรูปบ่อยๆ 🍺

  • 2023 Jan 22

Food Blog: ลองชิม ช้าง Cold Brew [CHANG COLD BREW]

จำไม่ได้ว่าเคยลองชิมเบียร์ช้าง Cold Brew มาก่อนรึเปล่า ถ้าเคยลองก็คงจะนานมากแล้ว ปกติไม่ดื่มเบียร์ช้างมานานเพราะไม่ถูกใจกับรสชาติของมัน มันให้รสเปรี้ยวกับกลิ่นออกคาวๆ แหยะๆ เลยไม่ชอบสักเท่าไหร่ ส่วนตัว Cold Brew นี้อยากลองอีกสักครั้งจำไม่ได้แล้วว่ามันอร่อยแบบไหน

กลิ่นเบียร์ให้กลิ่นอมเปรี้ยวแบบช้างแต่กลิ่นอ่อนๆ ไม่แรงสักเท่าไหร่ ส่วนรสชาตินั้นน่าแปลกที่ให้รสออกไปทางรสจืด ติดรสหวานเจื่อนด้วยซ้ำ ไม่เหมือนกับรสช้างเดิมที่ออกคาวๆ Cold Brew ให้รสเปรี้ยวบางๆ ติดปลายลิ้นนิดหน่อยอร่อยกำลังดี

กลับมาลองเบียร์ช้างในครั้งนี้เลือกรุ่น Cold Brew มาลองนี่คิดว่าเลือกไม่ผิด รสมันดื่มง่าย จืด หวาน อร่อย มีความ “มัน” ติดลิ้นด้วย แทบไม่มีรสชาติของเบียร์ที่คุ้นเคยเลยก็ว่าได้ รสโดยรวามนุ่มใช่ได้เลยนะ รสหวานๆ จืดๆ แบบนี้ เหมาะกับคนดื่มรุ่นใหม่ๆ แน่นอน เหมือนของ Heineken Silver นั่นละ Cold Brew ขวดนี้มีแอล 4.6% ราคา 58 บาท ถือว่าโอเคเลยราคานี้ กับรสชาติแบบนี้

Daily Blog: วันแรกของการทำงานในปีใหม่ 2566

สวัสดีปีใหม่!

เช้าวันที่ 3 ของปีใหม่นี้มีเมฆครึ้มอึมครึมเหมือนฝนจะตก แต่ก็เย็นไม่ร้อนอะไร น่าแปลกที่ไม่มีแสงแดดแม้จะสายแล้วก็ตาม อากาศแบบแหละที่อยากให้มีทุกๆ วัน

วันที่ 3 ของปีใหม่ ก็เป็นวันเปิดทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวช่วงวันขึ้นปีไหม่เหมือนกัน ซึ่งก็ดำเนินไปอย่างปกติไม่มีอะไรแปลกไปกว่าปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด ก็จะมีเพียงแค่เสียงกล่าวสวัสดีปีใหม่ กันตอนเช้าระหว่างเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ทำให้ความรู้สึกของเทศกาลยังไม่ทันจางหายไปดี ยิ่งทำให้รู้สึกเหงา รู้สึกเสียดายเวลาดีๆ ช่วงเทศกาลที่กำลังจะหายไปเลยดีเดียว

งานของวันแรกที่ผ่านเข้ามาก็ถือเป็นงานที่ค่อนข้างใหญ่ งานหลักของแต่ละปี ที่คิดว่าสามารถค่อยๆ คลี่คลายให้เสร็จได้อย่างช้าๆ และคิดว่าจะทำสำเร็จอย่างทุกปีที่ผ่านมา

อาหารการกินก็ต้องคิดก่อนที่จะเลือกทานอย่างมีสติตั้งแต่ต้นปี ลำบากหน่อยแต่คิดว่าคงทำต่อไปได้ละ

การงานวันนี้ก็ผ่านไปได้อย่างที่คิดไว้ ตกเย็นเลิกงานขอดื่มสักนิดพอผ่อนคลาย และคิดไว้ว่าหลังจากปีใหม่นี้จะเว้นระยะห่างการดื่มหนักให้มากขึ้น เว้นแต่จำเป็นจริงๆ สักที เป็นอย่างหนึ่งที่ตั้งใจว่าจะทำให้ได้อีกครั้งในปีนี้

ปีใหม่นี้ก็ขอให้ตั้งใจทำงานให้มากขึ้น แก้ปัญหาที่ผ่านมาให้ได้มากที่สุด ปลายปีจะได้มีความสุขมากขึ้น.

  • 2023, Jan 03

Food Blog: ลองชิม Hoegaarden Yuzu รสส้มยูซุ

ค้างคากับเบียร์หมีรสส้มยูซุ อยากรู้ว่าเบียร์รสส้มยูซุของยี่ห้ออื่นรสมันจะเป็นแบบเดียวกันไหม เห็น Hoegaarden มีรสส้มยูซุเหมือนกัน ตัดสินใจหยิบมาลอง แอบยืนคิดนานหน้าตู่แช่หน่อยเพราะราคาแพง มาลองชิมกันดีกว่า

จิบแรกได้กลิ่นหอมอมเปรี้ยวอ่อนๆ ของกลิ่นส้ม ให้กลิ่นสดชื่นน่าดื่ม รสชาตินั้นหวานนุ่มกลม แบบลูกอมรสส้มผสมรสชาติเบียร์หวานนวลเอกลักษณ์ของ Hoegaarden เหมือนเดิม เป็นเบียร์รสส้มที่นุ่ม หอม อร่อยมากๆ รสชาติไม่คมบาดปากเลยละมุนสุด กลิ่นก็หอมหวานเหมือนลูกอม รสชาติสมราคามาก ทำเอาส้มยูสุของเบียร์หมีโดนเตะกระเด็นไปไกลเลย พอได้ลองของ Hoegaarden แล้วจะไม่คิดกลับไปลองส้มยูซุของเบียร์หมีอีกแน่นอน น่าเสียดายที่เบียร์หมีชมพูทำออกมาดี รสและกลิ่นนุ่มเทียบยี่ห้อแพงได้เลย แต่ก็ไม่มีขายซะแล้ว

กลายเป็นคุยเรื่องเบียร์หมีแทนซะได้ สรุปส้มยูซุของ Hoegaarden นั้นมันดี มันอร่อย นุ่มสมราคา มีแอล 3.0% น้อยไปหน่อย แต่ก็เหมาะสำหรับดื่มเพลินๆ ไม่จริงจัง แบบแค่คลายเครียดหลังจากกลับมาจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยได้ดีดีเดียว

Food Blog: ลองชิม SNOWY YUZU เบียร์หมีรสใหม่ รสส้มยูซุ

เมื่อเย็นแวะไปตู้แช่ที่เซเว่นเหลือบไปเห็นเบียร์หมีรสใหม่ ที่ไม่รู้ว่ามียายมานานรึยัง คิดว่าเพิ่งมาขายนะไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะช่วงนี้ก็แวะตู้แช่แอลที่เซเว่นทุกเย็น หยิบดูก็น่าสนใจที่ชื่อเหลือแค่ Snowy แล้ว ครั้งนี้มาในรส Yuzu หรือ ส้มยูซุ ส้มพันธ์ที่มีชื่อเสียงจากญี่ปุ่นนั่นเอง ไม่รอช้าหยิบมาลองชิมกระป๋องนึง แอบเห็นราคาแพงกว่ารสปกติประมาณ 10 กว่าบาทเลย

เปิดกระป๋องมาได้กลิ่นส้มหอมใสที่อมเปรี้ยวหน่อย กับรสชาติแบบเปลือกส้มหวานติดขมที่ลิ้นเหมือนเคี้ยวเปลือกส้มจริงๆ คงเพราะด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างชัดเลยทำให้รู้สึกถึงส้มมากหน่อย ตัวรสชาตินั้นอย่างที่บอกไปคือมีรสหวานใสเจื่อน ปนรสขมที่ขมแหลมพร้อมกับความ “มัน” ติดลิ้น ชอบตรงหลังดื่มแล้วมันให้กลิ่นส้มแบบเนื้อสมหอมในลำคอทำให้มันอร่อยขึ้นมากๆ อร่อยและผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน สุดยอดเลย

ส่วนตัวคิดว่าเป็นเบียร์หมีอีกเวอร์ชั่นที่ดีอีกรส ไม่เหมือนรสดั้งเดิม แต่แตกต่างแบบที่ยังคงเอกลักษณ์เบียร์กลิ่นผลไม้แนวสดชื่นอยู่ แนะนำให้ลองไม่ผิดหวังแน่นอน มีแอล 4.5% แบบพื้นฐาน แต่ราคา 63 บาท อันนี้ไม่ใช่ราคาพื้นฐานละ อัพราคาจากรสดั้งเดิมขึ้นไปอีกแนะ เรื่องราคานี่ละจะทำให้กลับไปดื่มตัวดั้งเดิม กับตัวหมีชมพู ที่ราคาไม่หนีกันมาก แต่สำหรับคนที่จ่ายไม่อั้นเพื่อเครื่องดื่มที่ถูกใจละก็ไม่ว่ากัน

แนวทางแก้ปัญหาการแจ้งเตือนใน Android ไม่เป็นปัจจุบัน – แจ้งเตือนช้า

หลายคนที่ใช้ Android คงจะเจอปัญหาการแจ้งเตือนต่างๆ ที่มีการแจ้งเตือนช้า หรือ Delay ไปหลายสิบนาที หรือบางครั้งอาจจะเป็นชั่วโมง ที่ทำให้การตอบกลับต่างๆ ช้าจนทำให้เสียโอกาสไปได้ ยิ่งถ้าหลายคนทำการขายของ Online ก็อาจจะทำให้พลาดโอกาสการขายสินค้าได้

ปัญหาการแจ้งเตือน Delay นี้ส่วนตัวบล็อกเจอตอนเปลี่ยนโทรศัพท์จาก Samsung Galaxy Note9 มาเป็น Samsung Galaxy Note10 ที่เจอปัญหานี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอปัญหาแจ้งเตือน Delay เลยสักครั้ง และปัญหาก็เป็นต่อเนื่องมาจนถึง Androids รุ่นปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ซึ่งปัจจุบันบล็อกใช้ Samsung Galaxy S22 Ultra ก็ยังคงเจอปัญหานี้อยู่

ได้ลองแก้ปัญหาทุกวิธีที่สามารถทำได้โดยไม่ Root เครื่องแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหา App ไม่แจ้งเตือนเป็นปัจจุบันได้สักทีจนทำใจยอมรับสภาพไปแล้ว

ปัญหาการแจ้งเตือนนี้วิเคราะห์ดูแล้วคิดว่าเป็นที่โครงสร้างของระบบ Android เองแน่นอนไม่ได้เป็นที่การปรับแต่งจาก Samsung แต่อย่างใด เหตุผลก็เพราะเหมือนจะเคยอ่านบทความของระบบ Android ที่ปรับปรุงในแต่ละ Version ที่พยายามจะทำการปรับปรุงระบบให้มีความประหยัดพลังงานที่ทำการ Stanby โปรแกรมต่างๆ เมื่อไม่มีการใช้งานเครื่องโทรศัพท์ จนกว่าช่วงเวลาหนึ่ง หรือเมื่อมีการใช้งานโทรศัทพ์ระบบจะทำการโหลดข้อมูลของโปรแกรมต่างๆ ในคราวเดียวกัน อะไรประมาณนั้น เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลพยายามหาบทความนั้นมาอ่านใหม่ก็ดันหาไม่เจอซะนี่

จนมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเจอปัญหา App แจ้งเตือนล่าช้าทำให้พลาดโอกาสการขายสินค้าที่ลงประกาศไว้ไปแบบน่าเสียดาย ทำให้ต้องกลับมาคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้อีกครั้ง และก็ได้มาเจอกระทู้ของผู้ใช้งานอื่นๆ ที่เจอปัญหาเดียวกัน ที่พยามแก้ปัญหานี้เหมือนกัน และได้เจอโพสที่ไขปัญหาที่สงสัยได้กระจ่างเลยทีเดียว สามารถอ่านโพสนั้นได้ที่นี่ “Android 11 – Notifications are delayed when screen is off

โดยในโพสได้มีผู้ใช้งานได้มาแสดงความคิดเห็นและได้ให้ข้อมูลรายละเอียดที่แสดงถึงต้นตอของปัญหาซึ่งก็คือชุดคำสั่งหนึ่งของระบบ Andriod ที่เริ่มมีใน Version ที่ 6 นี่เอง ชุดคำสั่งนี้ทำงานอย่างที่ตัวบล็อกได้เคยอ่านบทความไว้ไม่ผิด และผู้ใช้รายนี้ได้บอกวิธีแก้ปัญหานี้ให้ไว้อีกด้วย ซึ่งตัวบล็อกได้ลองทำตามแล้วก็สามารถแก้ปัญหาการแจ้งเตือนให้เป็นปัจจุบันได้อย่างที่ต้องการอีกด้วยเลยอยากกจะมาแชร์วิธีแก้ปัญหาที่เจอมา ให้คนที่เจอปัญหาเดียวกันได้ใช้เป็นแนวทางต่อไป

คิดว่าปัญหาชุดคำสั่งนี้น่าจะยังคงอยู่ไปอีกนานเพราะดูเหมือนว่าผู้พัฒนาของ Google ตั้งใจจะทำไว้ให้เป็นระบบพื้นฐานของระบบ Andrioids ด้านการประหยัดพลังงานเพื่อให้สู้ระบบปฏิบัติการอื่นได้นี่ละ

ต้นตอของปัญหานี้ก็คือชุดคำสั่งที่ชื่อว่า “DOZE” อยู่ในแกนของระบบ Android 6 เป็นต้นไป หลักๆ ก็คือมันเป็นชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่ประหยัดพลังงานในเบื้องหลัง ที่จะจัดการ App ต่างๆ เมื่อหน้าจอดับไป โดยจะทำการอัพเดทข้อมูลเป็นช่วงเวลาที่กำหนดไว้ รายละเอียดเกี่ยวกับชุดคำสั่งนี้สามารถอ่านได้ที่นี่ https://developer.android.com/training/monitoring-device-state/doze-standby โดยมันเป็นตัวการที่ทำให้การแจ้งเตือนล่าช้าได้ตั้งแต่ 10 นาที ไปจนถึงหลายชั่วโมงก็ว่าได้ขึ้นอยู่กับการใช้งานโทรศัพท์ของผู้ใช้เอง

อ่านดูแล้วดูเป็นชุดคำสั่งที่ไม่น่าจะทำออกมาเลยด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ชุดคำสั่งนี้ยังคงอยู่มาจนถึง Android 13 Version ปัจจุบันทั้งที่ผู้ใช้งาน Andriod ทั่วโลกมีการแจ้งปัญหานี้ให้ Google มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่แก้ปัญหานี้สักที

มีวิธีแก้ปัญหาที่ได้จากกระทู้นี้คือการใช้คำสั่งไปหยุดการทำงานของชุดคำสั่ง DOZE นี้ ผ่านระบบ ADB (Android Debug Bridge) ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากในอดีต ที่ต้องทำการ Root เครื่องเพื่อดำเนินการใช้คำสั่งพวกนี้ ปัญหาที่ตามมาก็คือจะทำให้หมดประกันในโทรศัพท์บางยี่ห้อ และอาจจะทำให้ไม่สามารถ Update Android ต่อเลยก็ได้

แต่ปัจจุบันได้มีผู้พัฒนาได้หาวิธีการใช้คำสั่ง ADB ในระบบ Android โดยที่ไม่ต้องเสียง Root เครื่องแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ สามารถใช้คำสั่ง ADB ผ่านทาง App “LADB — Local ADB Shell” เป็น App ที่ต้องซื้อในราคาประมาณ 89 บาท

วิธีการใช้งาน App LADB นั้นก็ไม่ยากแต่ก็ใช้เวลาพอสมวควรกว่าระบบจะเชื่อมต่อได้ในครั้งแรก ซึ่งวิธีใช้งานก็มีบอกให้แล้ว สามารถอ่านวิธีใช้งาน App ได้ที่นี่ https://www.xda-developers.com/debloat-your-phone-run-adb-shell-commands-no-root-no-pc/

หลังจากเชื่อมต่อระบบได้แล้วสามารถใช้คำสั่ง “dumpsys deviceidle disable” เพื่อหยุดการทำงานชุดคำสั่ง DOZE ได้ทันที โดยบล็อกใช้ลองทำตามแล้วก็พบว่าสามารถแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี การแจ้งเตือนต่างๆ ก็แจ้งเตือนทันทีเป็นปัจจุบันอย่างน่าพอใจ แต่มีข้อเสียนิดหน่อยคือ หากเครื่องมีการ Restart หรือปิดเครื่อง แล้วเปิดมาใหม่ ก็ต้องทำการใช้คำสั่งนี้เพื่อหยุดการทำงานชุดคำสั่งใหม่อีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หากจะทำให้ปัญหาการแจ้งเตือนล่าช้านี้หมดไป

ขั้นตอนคร่าวๆ จะเล่าไว้ด้านล่างนี้ (สำหรับระบบ Andriod 11+ เป็นต้นไป)
1. โหลด App LADB ใน App Store
2. เปิดระบบ Developer Options โดยไปที่ Settings > About Phone แตะที่แถบ “Build number” 7 ครั้ง ระบบ Developer Options จะเปิดให้ใช้งาน
3. ไปที่ Settings > System > Developer Options และเลือนเปิดคำสั่ง “USB debugging” และ “Wireless debugging.”
4. เปิด App LADB แล้วทำการแบ่งหน้าจอคู่กับหน้าจอของเมนู Developer Options > Wireless debugging
5. กดเมนู Pair device with pairing code จะแสดงหน้าต่าง Popup รหัสการ Pairing และ IP address & Port
6. นำรหัส Pairing 6 หลัง และ รหัส Port 6 หลังสุดท้ายไปกรอกใน App LADB
7. แล้วกด Pair ใน App จะเริ่มทำการเชื่อมต่อ ขั้นตอนนี้อาจจะต้องทำหลายครั้งหน่อยเพราะบางทีมันก็เชื่อมต่อไม่ได้ แก้โดยปิดโปรแกรมทั้งหมดแล้วเข้าใหม่ดำเนินการเหมือนเดิมอีกครั้งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ (จริงๆ ระบบจะให้ทำการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน WIFI ไว้เพื่อดำเนินการเชื่อมต่อ หากใครเชื่อมต่อระบบไม่ได้ให้ลองต่อ WIFI ทิ้งไว้ตลอดเวลาที่ดำเนินการก็น่าจะเชื่อมต่อระบบได้) หากเชื่อมต่อได้แล้วจะมีช่อง Comand ให้คีย์คำสั่งด้านล่าง
8. เมื่อเชื่อมต่อได้แล้ว ให้คีย์คำสั่ง “dumpsys deviceidle disable” จนหน้าจอขึ้นแสดงผลว่าปิดคำสั่งไปแล้ว ก็เป็นอันเรียบร้อย
9. คำสั่งจะมีผลไปจนกว่าจะปิดเครื่อง ครั้งต่อไปเมื่อเปิดเครื่องใหม่ก็ดำเนินการเหมือนเดิมอีกเพื่อหยุดการทำงานของชุดคำสั่ง DOZE แบบนี้น่าจะพอเข้าใจอยู่นะ

และนี่ก็เป็นการแก้ปัญหาการแจ้งเตือนล่าช้าใน Andriod ที่ผู้ใช้อย่างเราๆ ต้องมาแก้ไขกันเองเพื่อให้ใช้งานระบบได้อย่างที่ต้องการ เลยอยากจะเอามาลงบล็อกเก็บไว้ให้คนอื่นๆ ที่อยากแก้ปัญหานี้สามารถทำตามกัน หวังว่าทุกคนจะสามารถใช้งานโทรศัพทท์ได้อย่างที่ต้องการโดยที่ไม่ต้องย้ายระบบปฏิบัติการกันอีกต่อไปนะครับ

Food Blog: ลองชิมเบียร์ Heineken Silver

เห็นผ่านตามาสักพักแล้วกับ Heineken Silver ขวดนี้ แอบมองตลอดเวลาที่ผ่านไปแถวตู้แช่ แต่เห็นราคาแรงมากก็ยั้งมือไว้ก่อน แต่วันนี้เป็นวันดีที่นึกอยากจะลองชิมขึ้นมาเลยหยิบกลับมาขวดนึง รสชาติมันจะเป็นยังไงกันนะ เห็นว่า Heineken Silver โฟกัสเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ดื่มเบียร์ขมๆ ชอบดื่มเบียร์ที่ดื่มง่าย และรสชาติดีเป็นหลัก น่าสนใจเรามาลองชิมกันดีกว่า

เปิดขวดมาได้กลิ่นหอมเอกลักษณ์ของ Heineken ที่ให้ความรู้สึกเหม็นๆ หอมๆ พิกล ลองชิมอึกแรกนั้นได้รู้สึกว่ารสชาติจะออกไปทางหวาน-จืด มีความซ่าเหมือนดื่มน้ำอัดลม ไม่ขม ไม่คาว เป็นรสเบียร์ที่หวานเจื่อนๆ นุ่มๆ อร่อยใช้ได้ ว่าแต่มันก็รสชาติไม่เหมือนเบียร์สักเท่าไหร่ กลิ่นมันใช่ แต่รสออกไปทางน้ำอัดลมจืดๆ ซะมากกว่า เป็นเบียร์ที่ดื่มง่ายดี รสชาติไม่ค่อยมี มีแค่กลิ่นกับรสหวานเจื่อน ไม่มีรสติดลิ้น ดื่มเย็นๆ สดชื่นดีเลยละ มีแอล 4% กับราคา 81 บาท นี่แรงเอาเรื่องอยู่นะ แต่ถ้ามองตามจุดประสงค์ของเบียร์ละก็ทำได้ดีเลยทีเดียว รสชาติดี ดื่มง่าย ไม่ขม ไม่คาว ไม่มีรสปลกๆ ติดลิ้น ซึ่งก็โอเคสำหรับคนที่มองหาเบียร์แบบนี้อยู่ และสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะดื่มก็คงเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสตางค์สักหน่อยละ ส่วนตัวบล็อกนั้นเอาแค่ดื่มได้อร่อย เมา และประหยัด ก็พอใจแล้ว