Perfume Blog: Diptyque L’Eau Papier EDT [2023]

Diptyque L’Eau Papier ออกมาในปี 2023 เป็นน้ำหอมความเข้มข้น Eau De Toilette ในตระกูล Woody เป็นกลิ่นที่มีแรงบันดาลใจจากจินตนาการ และช่วงเวลาที่พิเศษอย่าง น้ำหมึก และกระดาษได้สัมผัสกัน มีโน๊ตกลิ่นของ Rice Steam Accord, White Musks, Mimosa, Blonde Woods Accord รวมกันให้สัมผัสหลากหลายของ Musks เปรียบดังหยดหมึกบนแผ่นกระดาษ ด้วยโน้ตกลิ่น Rice Steam ได้สร้างภาพผิวสัมผัสของผิวกระดาษที่เติมความโปร่งใสด้วย Mimosa ผสามกับโน้ตกลิ่น Blonde Wood เป็นพื้นหลัง

ความรู้สึกแรกรู้สึกถึงกลิ่นหอมเย็นสะอาดคล้ายมักส์บางเบา แต่ก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมครีมนุ่มอับชื้นเหมือนกลิ่นไอน้ำของข้าวหุงสุกใหม่ ให้ความรู้สึกสงบอบอุ่น จากนั้นกลิ่นจะเริ่มมีกลิ่นดอกไม้แทรกแหลมขึ้นมา แต่ยังคงไม่ทิ้งกลิ่นหอมนวลแบบกลิ่นข้าวสุกไว้ในพื้นหลัง มันรวมกันแล้วให้กลิ่นที่หอมดอกไม้และก็หืนๆ ตุ่นๆ ของกลิ่นไอน้ำอับชื้นไปพร้อมๆ กัน หอมนะ แต่ก็แปลกไปในเวลาเดียวกัน ช่วงกลางไปถึงช่วงหลังของกลิ่นนั้นให้กลิ่นแบบมักส์โปร่งเย็น ซ่าฟุ้งๆ แบบกลิ่นติดผิวไปจนจบกลิ่น

เรียกว่ากลิ่นนี้ค่อนข้างเป็นกลิ่นที่แปลกใหม่ ไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน ให้อารมณ์ของกระดาษหนาๆ สีขาวที่ซึมซับน้ำ สี หมึกได้ดี ถ่ายทอดกลิ่นเป็นภาพได้ดีด้วย ช่วงกลิ่นของข้าวสุกนั้นเรียกว่าเกินความคาดหมายไม่คิดว่าจะแปลกแบบนี้ ส่วนของกลิ่นดอกไม้ที่แทรกเข้ามาโดดเด่นในช่วงกลางนั้นมันหอมหวน เบาสบาย ให้อารมณ์ลอยๆ อย่างนั้นเลย

ส่วนตัวแล้วกลิ่นมันหอม ให้กลิ่นสะอาด กลิ่นสะอาดที่อบอุ่น มีกลิ่นดอกไม้มาเสริมกลิ่นให้ดูพลิ้วไหว เบาสบายทำให้กลิ่นไม่อบอุ่น หนึบหนับจากกลิ่นแนวมักส์ชื้นๆ จนเกินไป แต่ มีแต่สิ่งแรกที่รู้สึกนั้นคิดว่ากลิ่นมันหื่นเกินไป หอมหืนๆ เหนอะหน่ะ อับๆ ไม่สดชิ่นสักเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะใช้ในฤดูร้อนอันโหดร้ายของประเทศไทยในตอนนี กลัวคนอื่นจะคิดว่ากลิ่นเสื้อซักไม่แห้งไปอีกแนะ นี่แค่ First Impression นะ

ถึงยังไงก็นึกสนุกหยิบมาลองใช้งานจริงสักวันดูว่ามันจะเป็นยังไง? วันถัดไปก็จัดการลองใช้เต็มวันดู ก็ได้ผลเหมือนตอนลองกลิ่นนั่นละ ให้กลิ่นช่วงแรกที่แปลกแบบกลิ่นข้าวสวยร้อนๆ สุกใหม่ในช่วงเปิด แทรกด้วยกลิ่นดอกไม้หอมโชยเย็นๆ มาตามลม พอเวลาผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็จะเหลือแค่กลิ่นมักส์ซ่า มันๆ ออกไปทางกลิ่นหืน แบบกลิ่นน้ำหอมราคาประหยัดติดผิว ติดเสื้อผ้าไปทั้งวัน

กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างอ่อน ไม่มีพลังพอที่จะฟุ้งกระจายมากเท่าไหร่ ฟุ้งได้แค่ช่วงต้นที่ฉีด สักครึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นกลิ่นติดตัวที่ลอยรอบๆ ตัวเราเท่านั้น เป็นกลิ่นติดตัวที่ดูหนึบหนับ ชื้นเหนอะ แต่กลิ่นแบบนี้บางคนเขาว่าเป็นกลิ่นออกแนวสะอาด กลิ่นเสื้อผ้าซักใหม่อะไรประมาณนั้น คิดว่าถ้าพกไปฉีดเติมความสดชื่นช่วงบ่าย รึว่าช่วงก่อนกลับบ้านก็อาจจะช่วยให้กลิ่นดูหอมขึ้นได้

สรุปแล้วกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ก็หอมนั่นละ หอมแปลกเฉพาะกลุ่ม เป็นกลิ่นที่หอมสะอาด แต่ไม่ฟุ้งกระจาย ทำให้ดูเป็นกลิ่นที่ไม่ทนเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวว่ากลิ่นนี้มันหอม แต่กลิ่นหอมดูไม่สมราคาเลย กลิ่นช่วงหลังที่ดูจะเป็นกลิ่นหลักนั้นดูเป็นกลิ่นน้ำหอมราคาประหยัดแบบกลิ่นน้ำหอมที่เจอได้จากพวกน้ำหอมดาราฮอลลีวูดทั่วไปด้วยซ็ำ

Gallery: Diptyque L’Eau Papier EDT 2023

Perfume Blog: Diptyque Eau RIHLA EDP

วันนี้ได้กลิ่นหายากจาก Diptyque มาลองกลิ่นกัน นั่นคือกลิ่น Eau RIHLA กลิ่นที่ออกมาเมื่อปีก่อนแต่ไม่มีมาขายในไทยสักที เห็นขายแต่เคาน์เตอร์ต่างประเทศอย่างเกียว ด้วยความที่ขวดมีป้ายชื่อกลิ่นบนขวดสีทองอร่ามสวยงาม แพ็คเก็จลิมิเต็ทที่หรูหา ก็ทำได้แค่มองและอยากลองกลิ่นมาตลอด ก็ตามหาขวด Sample ขนาด 2ml มาจนได้ เป็นโอกาสดีที่จะได้มาลองกลิ่นลงบล็อกกันสักที

Eau RIHLA เป็นกลิ่นแนว Orientale ที่ออกมาในปี 2021 เป็นกลิ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางใน Middle East ซึ่งเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอันหลากหลาย โดยกลิ่นได้นำเสนอกลิ่นของ Leather หรือกลิ่น “แผ่นหนัง” ที่โดดเด่น เริ่มต้นด้วย Pink Peppercorn ที่ให้กลิ่นเครื่องเทศเปล่งประกาย พร้อมด้วย Atlas Cedar, Iris, Vanilla และ Saffron ให้กลิ่นที่อบอุ่น นุ่มนวลเบาสบายที่โอบอุ้มบนผิวกาย ด้วยโน๊ตกลิ่นของ Leather, Iris, Cedar, Raspberry

โดยที่ชื่อของกลิ่น RIHLA มีความหมายว่า “การเดินทาง” ในภาษา Arabic ซึ่งเหมือนกับคณะของ Diptyque ที่ได้เดินทางผ่านสถานที่ต่างๆ มาตลอดเวลาตั้งแต่แรกเริ่ม หรือจะเรียกว่าเป็นกลิ่นที่แสดงให้เห็นถึงความทรงจำอันเป็นจุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจจากการเดินทางของ Diptyque นั่นเอง

กลิ่นเปิดมาให้กลิ่นหนังหวานๆ ฉ่ำๆ ที่มีกลิ่นหวานแปร่งน่าจะเป็นกลิ่นของ Saffron เสริมกลิ่นมา มันทำให้เป็นกลิ่นหนังหอมๆ ดอกไม้อวล เครื่องเทศบางๆ จากนั้นเริ่มมีความอุ่นของกลิ่นแบบกลิ่นไม้หอมแทรกขึ้นมาหน่อย ผสมกับกลิ่นแบบแป้งหอมบางในพื้นหลัง กลิ่นมันให้ความหอมใสของผืนหนังใหม่ หอมเย็น แต่ก็นุ่มอุ่นอบอวลดีทีเดียว ส่วนตัวนั้นกลิ่นหอมของกลิ่นหนังแบบนี้นั้นอยู่ยาวบนผิวไปตลอดจนจบกลิ่น

พระเจ้า! นี่มัน Ombré Leather ของ Tom Ford เวอร์ชั่นไดเอ็ทลดความหวานชัดๆ กลิ่นหนังเย็นๆ หอมหวานฉ่ำปอด ผสมกับกลิ่นอมหวานนิดของ Saffron พอให้ได้อารมณ์เครื่องเทศหรู ปนกับกลิ่นไม้หอมบาง ช่างดูหรูหรามากๆ มีความหวานลึกในกลิ่นให้มิติกลิ่นวนไปมา… จริงๆ แค่อยากจะบอกว่ากลิ่นมันดี และหอมมากเท่านั่นแหละ แค่สเปรย์เดียวกลิ่นก็ฟุ้งตลบ และให้กลิ่นที่ติดทนบนผิวดีด้วย

อยากจะบอกว่า Eau RIHLA นี่มันคือกลิ่นอีกด้านของ Ombré Leather เหมือนเป็นพี่น้องกันก็ว่าได้ ให้กลิ่นโทนเดียวกันเป๊ะ แทบจะไม่ต่างกันถ้าไม่สังเกตดีๆ จะต่างกันแค่ Eau RIHLA นั้นเนื้อกลิ่นเบากว่า หวานฉุนน้อยกว่า กลิ่นหอมสบายกว่าอีกด้วย เสียดายมากๆ ที่ไม่มีขายในไทย หวังว่าจะมีมาขายบ้างจัง ยิ่งเห็นขวดกับป้ายสีทองด้วยแล้วยิ่งเสียดายเข้าไปใหญ่ ทั้งสวย ทั้งกลิ่นดีขนาดนี้ แต่ก็แอบแพงกว่า Tom Ford Ombré Leather อยู่เหมือนกัน ถ้าให้เลือกจริงๆ ก็เลือก Ombré Leather แหละ ด้วยความที่ราคาจับต้องได้ ไม่แพงเท่า Diptyque แค่สเปรย์จำนวนพอเหมาะก็เข้ากับทุกสถานการณ์แล้ว

Gallery: Diptyque Eau RIHLA EDP

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Othoniel Rosa EDT

.

Diptyque Othoniel Rosa ออกมาในปี 2020 ให้กลิ่นแนว Floral จาก Pink Peppercorn, Rosed, Vetiver ให้กลิ่นของกุหลาบแบบ Peppery Rose นำเสนอพร้อมเครื่องเทศ และไม้หอม เป็นกลิ่น Limited Edition ที่นำเสนอด้วยผลงานจากศิลปิน Jean-Michel Othoniel ที่มีชื่อผลงาน “La Rose du Louvre,” เป็นการนำเสนอถึงราชินีของดอกไม้ซึ่งก็คือดอกกุหลาบ กลิ่่นนี้นั้นหาขวดเต็มมาไม่ได้ หาซื้อไม่ได้เลย ถึงรอมาเป็นปีก็ไม่มีร้านไหนหิ้วเข้ามาแต่ไปเจอแบบแบ่งขายจากร้านนึงเข้าเลยลองกดมาลองกลิ่นเล่าให้อ่านกัน

กลิ่นกุหลาบคมๆ เหมือนจะอมเปรี้ยวในช่วงเปิด ให้กลิ่นแบบกุหลาบแห้งกลิ่นหนุ่มหอมโปร่ง หวานนิดๆ แต่เป็นความหวานที่ให้ความหวานแบบ Wax มากกว่า ติดเนอะๆ มันๆ หน่อย มีกลิ่นซ่าฟุ้งๆ ที่นึกถึงกลิ่นเครื่องเทศอย่างพริกไทยปนกับกลิ่นกลุหลาบนวลๆ ในช่วงกลางกลิ่นจะเริ่มฉ่ำมากขึ้นให้กลิ่นกุหลาบกับเครื่องเทศคลอมากับกลิ่นไม้หอมแนวกกลิ่นโปร่งใสในพื้นหลัง

ให้กลิ่นกุหลาบผสมเครื่องเทศเป็นกลิ่นหลักๆ เลยสำหรับกลิ่นนี้ หอมแบบมีสไตล์ ที่ไม่เชิงจะหรู แต่ดูมีอะไรพิเศษ อบอุ่นแนวอโรมาฟุ้งอวลๆ กลิ่นแบบนี้เป็นโทนกลางๆ ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ให้ความหอมกุหลาบโดดเด่นแต่ก็มีความเข้มแข็งในกลิ่น หอมดีเลยละ ถ้าหาซื้อได้่ง่ายก็น่าสนใจอยู่ แต่กลิ่นแนวกุหลาบแห้งแบบนี้ก็มีกลิ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับกลิ่นนี้ที่อาจจะหอมกว่า ดีกว่า ถูกกว่าอีกด้วย เพราะกลิ่นมันเหมือน Moschino Toy Boy มาก

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque L’Eau Hesperides EDT

.

L’Eau Hesperides ออกมาปี 2008 มีแรงบันดาลใจจาก Greek Mythology, The Hesperides เทพพิทักษ์สวนแห่ง Golden Apples. จากกลิ่นซาบซ่า เขียวสดชื่นของ Citrus ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยกลิ่น Spicy Notes และเพิ่มความสง่างามอย่างเฉียบคบ มีโน้ตกลิ่นหลักๆ ของ Bitter Orange, Lemon, Peppermint

กลิ่นหอมเย็นซ่าที่ให้กลิ่นของส้มขมๆ ที่มีกลิ่นเครื่องเทศฉุนๆ แบบกลิ่นเมล็ดผักซีคลอมาพร้อมๆ กันให้ความรู้สึกแปลกกับกลิ่นแบบนี้มาก กลิ่นที่เย็นเหมือนมินท์กับกลิ่นฉุ่นแบบกลิ่นสมุนไพรสดที่ให้กลิ่นเขียว กลิ่นหวานเอียนจนน่าเวียนหัวเมื่อผ่านไปสักพัก มันคือกลิ่น Rosemary รึเปล่านะไม่เคยต้นจริงมาก่อน มันให้ความเย็นบนผิวบริเวณที่ฉีดเหมือนกลิ่น Oyedo จาก Diptyque อีกด้วย พอกลิ่นเข้าช่วงกลางจะให้กลิ่นไปทางไม้หอมแป้งๆ ออกทึบแบบกลิ่นระเหยจากไม้แห้งๆ

กลิ่นแปลกมาก กลิ่นช่วงแรกที่ให้กลิ่นส้มขมๆ เหมือนจะหอม จนเริ่มมีกลิ่นฉุนหวานเอียนแบบกลิ่นสมุนไพรนั่นแหละ ทำให้เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ มาพร้อมกับกลิ่นเย็นซ่าฟุ้งๆ จากมินท์ ยิ่งทำให้นึกถึงร้านขายสมุนไพรเลย ส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นนี้รู้สึกไม่ใช่แนว มันเหม็น และมันทำให้อยากจะอ้วกซะให้ได้

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque L’Eau Neroli EDT

.

L’Eau Neroli ออกมาในปี 2008 ให้ภาพของกลิ่นที่ฟุ้งกระจายในอากาศจาก Neroli ที่อยู่ในช่วงเวลาเก็บเกี่ยวใน Calabria พร้อมกลิ่นจากสวน Bergamots ใกล้ๆ ให้กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วพื้นที่ จนคุณสามารถได้เย็นเสียงแผ่วเบาของการเด็ด Neroli ที่กำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่รอบข้าง มันคงจะดีถ้าได้นั่งพักใต้ต้นไม้ แล้วปล่อยใจไปกับกลิ่นอวบอวลจนเผลอหลับไป เป็นคำบรรยายกลิ่นในเว็บของ Diptyque มีโน้ตกลิ่นหลักๆ ของ Neroli, Bergamot, Orange blossom

กลิ่นซีตรัสคมๆ ให้กลิ่นเข้มแบบติดคมปลาย กลิ่นหวานจางๆ แบบกลิ่นส้มเปรี้ยวฟุ้งๆ มีความเขียวใบไม้สดชื่นลอยคู่กับกลิ่นอมเปรี้ยวของส้มในพื้นหลัง ให้ความรู้สึกสดชื่น โปร่งสบายจมูกที่มีเสน่ห์แบบกลิ่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่ช่วงหลังของกลิ่นจะทิ้งกลิ่นแบบแป้งหอมแห้งติดขมนิดๆ ไว้บนผิว

อย่างที่บอกไปกลิ่นมันให้ความรู้สึกของน้ำยาล้างจาน น้ำยาเช็ดกระจกที่มีกลิ่นซีตรัสคมๆ แข็งๆ ให้กลิ่นแทงจมูกด้วยความหอมส้มสดชื่น อมหวานอมเปรี้ยว ที่มีมีกลิ่นเขียวสดใสในพื้นหลัง กลิ่นหอมไหม มันก็หอมแหละ แค่กลิ่นมันชัดเจนเกินไป ไม่นุ่มนวลสักเท่าไหร่ทำให้คิดว่าใครกันที่จะชอบกลิ่นส้มแบบสเปรย์ดับกลิ่นมาเป็นน้ำหอมนะ กลิ่นนี้คล้ายกลิ่นดังของ TomFord มาก และก็คล้ายกับอีกหลายกลิ่นที่ให้กลิ่นซีตรัสแบบนี้

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Ofrésia EDT

.

Ofrésia ออกมาปี 1999 ให้กลิ่นสดชื่นจากสวนดอกไม้ริมชายฝั่ง Normandy ให้กลิ่นดอก Freesia รวมกับกลิ่นพันธ์ไม้ให้ความอ่อนโยน และสดชื่น จากโน้ตกลิ่น White Freesia, Carnation, Guaiac wood, Black Pepper

กลิ่นหอมอ่อนบางของดอกไม้สีขาว หวานเหนอะๆ ติดเขียวชื้นๆ กลิ่นหวานเขียวเหมือนกลิ่นดอกกล้วยไม้ที่เพิ่งเอาออกจากตู้แช่ใหม่ๆ สักพักกลิ่นเขียวเริ่มชัดขึ้นและให้กลิ่นนวลเหมือนใบเตยบางๆ กลิ่นหอมโปร่งใส ให้กลิ่นบางเบาของดอกไม้เปียกๆ มีกลิ่นแห้งแบบไม้หอมคลอเป็นพื้นหลังในช่วงกลางนิดหน่อยแปลกดี

กลิ่นมันออกจะเป็นกลิ่นเขียวๆ นวลๆ แบบกลิ่นกล้วยไม้สด กลิ่นเย็นๆ ส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เท่าไหร่ กลิ่นมันออกไปทางเหม็นเขียวต้นไม้ กลิ่นเขียวหวานเจื่อน มีความซ่าเย็นคล้ายกานพลูบางๆ ได้กลิ่นแล้วปวดหัวเลย ส่วนคนที่ชอบกลิ่นดอกไม้สด ที่ให้กลิ่นบางเบา แนวโปร่ง สดชื่น ที่มีกลิ่นหวานแปลกติดเขียวนวลสะอาดน่าจะชอบ

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Oyédo EDT

.

Oyédo ออกมาในปี 2000 เป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นของ Citrus แบบกลิ่นส้ม Yuzu เป็นหลักให้กลิ่นหอมคมๆ สดชื่นสไตล์เอเชีย ที่ภาพประกอบของกลิ่นมีแรงบันดาลใจจาก Edo เหมืองหลวงในอดีตของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่มาของโน้ตกลิ่นส้ม Yuzu อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น มีโน๊ตกลิ่นหลักของ Yuzu Raspberry Thyme

กลิ่นคมๆ หวานใสของส้ม มะนาว เลมอน ผสมกันฟุ้งกระจาย หอมสดชื่น พร้อมความโปร่งเย็นฟุ้งๆ ในกลิ่นส้มหวานหอมสดใส กลิ่นค่อนข้างเป็นธรรมชาติ กลิ่นคมโปร่งเบาเหมือนกลิ่นส้มจริงๆ เวลาซื้อมาจากตลาด บางทีก็หอมแบบลูกอมรสส้มเปรี้ยวๆ ขนมรสส้มอะไรแบบนั้น ไม่เหมือนกับกลินสเปรย์ปรับอากาศเหมือนน้ำหอมกลิ่นส้มอื่นๆ กลิ่นนี้มีความหอมซ่าโปร่งๆ ที่โดดเด่นมากให้ความรู้สึกเย็นโล่งจมูกดี ผิวตรงที่ฉีดลองกลิ่นนั้นมันเย็นเฉียบ ผิวชาจนไม่รู้สึกอะไร เหมือนเอายาหม่องมาทาไว้อย่างนั้นแหละ

เป็นกลิ่นหอมสำหรับฤดูร้อนที่แท้จริง กลิ่นแบบส้ม มะนาว เลมอนที่สดใส ให้ความหวานสดชื่น เย็นสบาย เป็นกลิ่นโปร่งเบาบนผิวเวลาอากาศร้อน แดงแรงๆ ยิ่งให้เอฟเฟ็คแบบแป้งเย็นบนผิวด้วยแล้วมันเหมาะสุดๆ กับการทำกิจกรรมกลางแจ้งมากๆ  เป็นน้ำหอมที่แปลก มีแนวทางของตัวเองดี

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque L’Eau De Tarocco EDT

.

L’Eau De Tarocco เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Aromatic Spicy ออกมาในปี 2009 เป็นกลิ่นหอมหวานจาก Tarocco Orange ที่ปลูกใน Morocco เสริมด้วยกลิ่นซาบซ่าแบบเครื่องเทศจาก Saffron และ Cinnamon ทำให้เกิดกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ Diptyque มีโน๊ตกลิ่นของ Musk, Virginia Cedar, Saffron, Ginger, Cinnamon, Incense, Grapefruit, Orange, Tincture Rose

กลิ่นคมใสแบบส้ม แล้วเปลี่ยนไปเป็นกลิ่นหอมแห้งแบบกลิ่นแป้งที่มีกลิ่นแนวเครื่องเทศแห้งบางๆ พื้นหลังมีกลิ่นอมเปรี้ยวแบบ Grapefruit กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยว กลิ่นแห้งฝุ่น ติดกลิ่นควันหน่อยๆ ให้ความรู้สึกเย็นนุ่ม รู้สึกถึงกลิ่นแบบส้ม กับ Grapefruit กับกลิ่นแห้งแบบควันที่ชัดๆ ไม่รู้สึกถึงโน้ตกลิ่นอื่นๆ สักเท่าไหร่แต่เป็นกลิ่นหอมผ่อนคลายดี

เป็นกลิ่นเหมือนในโรงพยาบาล หรือกลิ่นสปาหรู ให้กลิ่นหอมสะอาดๆ แบบกลิ่นส้ม เปรี้ยวอมหวานกำลังดี หอมใช้ได้ แต่กลิ่นค่อนข้างเบา กลิ่นบางแบบกลิ่นน้ำมันหอมระเหยออกแนวเครื่องเทศ ให้ภาพนั่งใต้ต้นส้มกลางพื้นที่เปลี่ยวร้าง ที่มีลมพัดเอาความเย็นและกลิ่นอโรม่าจากส้มมากลางแสงแดดอย่างในรูปประกอบบนขวดเลย

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Ilio Hair Mist

.

สวัสดีบล็อก! ในที่สุดก็ได้มาแล้วกับ Hair Mist จาก Diptyque กลิ่น ILIO จากชุดกลิ่นพิเศษในช่วงฤดูร้อนปีนี้ อย่างที่เคยเล่าไปว่าอยากได้ตัวสเปรย์ฉีดผมกลิ่นนี้มาคู่กัน ก็เพราะตัวกล่องของขวดสเปรย์นั้นพิมพ์รูปลายเส้นชุดเดียวกับภาพประกอบกหลักของกลิ่น ซึ่งแปลกใหม่ดี ส่วนใหญ๋จะมีเฉพาะรุ่น Limited เท่านั้นที่จะพิมพ์กล่องแบบภาพสี ปกติจะพิมพ์ภาพแบบขาวดำตามปกติ ขวดนี้ได้มาจากร้านเดิมเข้าไปเจอตอนรีสต๊อกเข้ามา 1 ขวดพอดิบพอดี

ตัวกลิ่นเองนั้นให้กลิ่นหอมสดชื่นแบบต้นตะบองเพชรหวานแบบน้ำเจือๆ หอมแนวใสๆ สบาย สดชื่นทำให้นึกถึงทะเลทราย ทะเลน้ำสีฟ้า ทะเลสาบ เข้ากับฤดูร้อนสุดๆ ฉีดตอนผมแห้งนั้นกลิ่นติดทนนานมาก ให้ความหอมแบบรู้สึกได้ยาวนานพอๆ กับน้ำหอมเลย แต่ได้มาแล้วจะกล้าใช้ไหมละเนี่ย หายากแบบนี้ตอนนี้ก็หาซื้อไม่ได้แล้วด้วย น่าเสียดายถ้าจะเอามาเก็บไว้เฉยๆ อยากฉีดให้สะใจซะให้ได้เลย

#PerfumeBlog

Perfume Blog: Diptyque Kyoto EDT and Furoshiki Wrap

.

Diptyque Kyoto edt and Furoshiki Wrap ออกมาในปี 2021 [ ประมาณวันที่ 24 ส.ค. 64 – วางจำหน่าย 26 ส.ค. 64 (ในไทย)] เป็นน้ำหอมแนวกลิ่น Floral ในคอเคลชั่น Le Grand Tour เป็นการเฉลิมฉลองการจัดตั้งแบรนด์ครบ 60 ปี โดยการนำแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อันเป็นกิจกรรมที่โปรดปราณของผู้ก่อตั้งทั้งสาม มีจุดหมายการเดินทาง 5 จุดหมาย คือ Paris, Venice, Milies, Kyoto และ Bybios โดยกลิ่นนี้เป็นจุดการเดินทางที่ 4 สถานที่นั้นคือ Kyoto ในประเทศญี่ปุ่น

.

กลิ่น Kyoto เน้นไปยัง Ikebana หรือศิลปะการจัดดอกไม้ของญี่ปุ่นอย่างคำที่ว่า “The Way of Flowers” ซึ่ง Kyoto เป็นเมืองที่โรงเรียนการจัดดอกไม้ Ikebana ถูกเริ่มขึ้นที่นี่ โดยการใช้กลิ่นแสดงแทนสัญลักษณ์อย่างศิลปะ กุหลาบ นำเสนอแทนผู้คน Beetroot-Vetiver คู่กันนำเสนอแทนพื้นโลก และ Incense นำเสนอแทนสรวงสวรรค์ 3 สิ่งรวมกันมอบกลิ่นที่แสดงออกถึงสเน่ห์ของ ikebana

.

แพ็คเกจมาในกล่องสีขาว พร้อมกับห่อขวดน้ำหอมด้วยผ้าสไตล์ Furoshiki พิมพ์ลาย The Sarayi Pattern ออกแบบโดยผู้ก่อตั้ง Diptyque

.

กลิ่นเปิดมันให้กลิ่นเขียวสดใสคมๆ กับกลิ่นเหม็นเขียวฉ่ำอมหวานแบบกลิ่น Beetroot คลอมากับกลิ่นกุหลาบแข็งๆ ใสๆ ที่ให้กลิ่นอายของควันธูปหอมในพื้นหลัง มันให้กลิ่นหอมสดชื่นพร้อมกับภาพบรรยากาศฝนตกพรำๆ เดินไปตามทางในเมืองเก่าผ่านบ้านโบราณที่มีงานพิธีสำคัญที่ได้กลิ่นหอมของต้นไม้เปียกน้ำ และกลิ่นเครื่องหอมจากงานพิธีลอยมาตามลม

เป็นกลิ่นแปลกอีกกลิ่นจาก Diptyque ให้กลิ่นเหม็นเขียวคม ซ่าฟุ้งเหมือนกลิ่นพริกขมๆ กับกลิ่นหัวบีทรูทสดที่ฝานเป็นชิ้นที่หันทั้งหัวและใบพร้อมกันให้กลิ่นหวานจาง กับกลิ่นเขียวของใบสดชื่น กับกลิ่นแนวกุหลาบหม่นๆ กลิ่นคมไม่นุ่มเท่าไหร่มาพร้อมกับกลิ่นควันแบบธูปหอม ออกไปทางกลิ่นฝุ่นคัดจมูก พอรวมกับกลิ่นเขียวๆ จากหญ้าแฝกและบีทรูทแล้ว มันให้ความรู้สึกถึงแกงจืดมะระใส่กุหลาบเลย กลิ่นหอมเย็นอมหวานลึกๆ เหมือนกลิ่นมะระกับน้ำแกงใส่หมูสับหวานๆ อย่างนั้นเลย

เทียบกลิ่นให้อ่านกันดูพิลึกดีไหม แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่พูดถึงกลิ่นแล้วมันหอมนะ กลิ่นเขียวสดชื่นเหมือนกลิ่นหญ้า กลิ่นดินเปียกๆ หลังฝนตก มันสดชื่น สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นกลิ่นที่เหมาะกับทุกคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือเป็นคนที่มั่นใจมีไสตล์ชัดเจน เพราะกลิ่นมันค่อนข้างพิเศษ หรือไม่ปกติเท่าไหร่ ความกระจายตัวของกลิ่นอยู่ในระดับดีไม่ฟุ้งระเบิดแต่ฟุ้งแบบมีระดับ ความทนก็พอตัว 4-5 ชั่วโมง พอสมเหตุสมผล สมกับเป็นกลิ่นชุดพิเศษที่ออกมาเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี การก่อตั้งแล้วละ

Diptyque Kyoto EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Olene EDT

.

Olene จาก Diptyque ออกมาตั้งแต่ปี 1988 เป็นกลิ่นแรกๆ ของแบรนด์ที่ให้ความเป็นธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกกลิ่น ที่มีแรงบันดาลใจจากช่วงเวลายามเย็นใต้ซุ้มดอกไม้ในสวน Venetian gardens ให้กลิ่นหอมหวานละเอียดอ่อนจาก Wisteria, Jasmine และ Honeysuckle

กลิ่นเปิดมาแบบกลิ่นมะลิสด ดอกมะลิร้อยมาลัยชัดๆ เลยนี่แหละ ให้ความรู้สึกถึงกลีบดอก ขั้วดอกมะลิแบบทำให้เห็นภาพมะลิตูม มะลิบานเต็มต้นแบบนั้นเลย หอมโปร่งให้ความหวานของมะลิกำลังดี  กลิ่นแรงชัด ในกลิ่นมีความหวานติดเขียวฉ่ำๆ กลิ่นหอมเย็น แต่ก็ให้ความอุ่นนิดๆ หอมมาก

กลิ่นมะลิชัดใส เหมือนนั่งอยู่ข้างต้นมะลิตอนเช้าๆ ช่วงแรกกลิ่นออกไปทางโปร่งโชยมาตามลม พอผ่านไปสักพักให้กลิ่นชัดเข้มฉ่ำแบบดอกมะลิที่ถูกเด็ดออกมาแล้วให้กลิ่นขั้วเขียวๆ สดชื่น หวานชื้นแบบทิ้งความเหนอะๆ ของกลิ่นแนวดอกไม้ขาวไว้บนผิว มันดีใช้ได้เลย กลิ่นแรงพอได้กลิ่นดูหนักนิดหน่อย ด้วยให้แนวกลิ่นดอกไม้จริงจนน่าตกใจ ทำให้กลิ่นนี้น่าจะทำให้คนที่ไม่ถูกกับกลิ่นน้ำหอมต่างๆ อาจจะเวียนหัวได้เพราะมันเหมือนจริงไป กลิ่นเหมาะกับคนที่มีอายุหน่อย ไม่ใช่แก่นะแค่ไม่ใช่กลิ่นหวานใสแบบวัยรุ่น แตถ้าชอบกลิ่นแล้วใช้กลิ่นนี้ก็ไม่แปลกอะไรดูมีอะไรๆ ดี

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Orphéon EDP

.

Orphéon ออกมาในปี 2021 น้ำหอมแนวกลิ่น Woody ที่นำบรรยากาศอันอบอุ่นจากไนท์คลับที่ขึ้นชื่อในแถบ The Saint Garmain quarter of Paris ด้วยกลิ่นจากไม้หอม มวลดอกไม้ สัมผัสแผ่วเบาจากเครื่องเทศ ให้สัมผัสเบาบางของ Tobacco ที่คลอกลิ่นเคื่องสำอางค์ลอยอ้อยอิ่งมาตามอากาศ มีโน๊ตกลิ่น Juniper berry, Cedar, Tonka Bean, Jasmine

กลิ่นเปิดให้กลิ่นผลไม้หอมใสติดกลิ่นหวานแปร่งๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นแนวหวานแบบผ้าซักไม่แห้ง เป้นกลิ่นหวานที่ดูเยิ้ม แต่สดใส กลิ่นโปร่งโล่งดี สักพักจะได้กลิ่นหอมเย็นแบบกลิ่นดอกมะลิแทรกขึ้นมาพ้นกลิ่นหวานแปร่งๆ รู้สึกปลอดโปร่ง กลิ่นคลอรวมกันมาทำให้กลิ่นหวานมีความหอมดูหอมเย็นขึ้นใสขึ้นมาก ช่วงกลางของกลิ่นจะเริ่มมีกลิ่นแบบแป้งหอมฝุ่นเนื้อหนักติดขมในคอเริ่มแทรกขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าสังเกต แล้วกลิ่นก็จะเริ่มเปลี่ยนไปแบบกลิ่นไม้หอมแห้งเย็น ติดกลิ่นนวลครีมๆ ในพื้นหลังที่หอมเย็นโปร่ง

.

กลิ่นแปลกและหอมดี หอมเหมือนผลไม้หวานเยิ้ม อมเปรี้ยวที่สุกมากกำลังจะเน่าในช่วงแรก แต่ก็ให้กลิ่นดูโปร่งสบายดูหรูหรา ปิดท้ายด้วยความเย็นฟุ้งอย่างแป้งหอมให้กลิ่นหอมอบอุ่นมีเสน่ห์ กลิ่นให้อารมณ์ห้องสูบบุหรี่ในโรงแรมหรู พร้อมกับแก้วแหล้าในมือ ถ้าตามคำบรรยายกลิ่นต้องฟังเพลงแจ๊สคลอมาตามลมด้วยประมาณนั้นเลย กลิ่นไม่ได้แรงอะไรนะ ออกจะไปแนวหอมเย็นสบายด้วยซ้ำ นี่แหละทำให้มันแปลกด้วยความเย็นซ่าของกลิ่น แต่ก็มีความอบอุ่นพอให้รู้สึกดีดูปลอดภัย กลิ่นดูดีมากต้องไปลองกันเองบรรยายไม่ถูก

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Ilio EDT

.

Ilio กลิ่นในคอเลคชั่นฤดูร้อนปี 2021 นี้ ให้กลิ่นนำพาเราไปยังใจกลางธรรมชาติของ Mediterranean สถานที่ของสัมผัส และสีสัน เป็นความงามที่ไม่ปรุงแต่ง โดยให้ภาพของแถบ Mediterranean มองผ่านต้น Prickly Pears ตลอดชายฝั่ง ผ่านไปยังทุ่ง Lavender และตะไคร้หอม สัมผัสกลิ่นอายในอากาศจากดินแดนอันไกลโพ้นไปกับวิวพระอาทิตย์ตกอันงดงาม อย่งชื่อ Ilio ซึ่งเป็นคำแสดงถึงดวงอาทิตย์ในภาษากรีก Diptyque ได้นำแรงบันดาลใจจากกลิ่น Green, Fruity มาปรุงให้เป็นกลิ่นของฤดูร้อนบนผิวของคุณ ด้วยโน๊ตกลิ่น Iris, Prickly pear, Bargamot, Jasmine

.

ชุด Diptyque Summer Essentials ที่ออกมาในฤดูร้อนปีนี้ ออกมาประกอบด้วยน้ำหอม EDT สเปรย์ฉีดผม, สเปรย์หอมกันยุง, Vinaigre de Toilette น้ำมันหอมอเนกประสงค์ที่มีส่วนประกอบจากพืชท้องถิ่น และเทียนหอมอีกหลายแบบ โดยภาพประกอบในคอเลคชั่นนี้วาดโดย Luke Edward ศิลปินชาวอังกฤษที่มีความชื่นชอบสถานที่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน เหมือนกับผู้ก่อตั้งอันเป็นแรงบันดาลใจของกลิ่นนี้ด้วย

.

ที่ตอนแรกตัวบล็อกกะว่าจะไม่ซื้อขวดปกติมาลองกลิ่น แค่จะเอาแซมเปิ้ลขนาดทดลองมา แต่กลิ่นนี้ดันไม่มีแซมเปิ้นกลิ่นขนาดเล็กมาเลยนี่สิ ตัดสินใจนานจนกลิ่นนี้เริ่มขาดตลาดหาซื้อไม่ได้แล้ว แต่ก็ไปเจอร้านหิ้วจากต่างประเทศร้านนึงยังมีสต๊อกอยู่เลยจัดมาลองกลิ่น และเก็บสะสมขวดสวยๆ ด้วย เสียดายที่สเปรย์ฉีดผมหาซื้อไม่ได้แล้ว ชอบตรงที่กล่องสเปรย์ฉีดผมพิมพ์ลายภาพวาดบนกล่องสีสวยแปลกดี น่าเอามาเก็บสะสม คงต้องรอหาเป็นมือสองแล้วละ ว่าแล้วก็มาลองกลิ่นกันดีกว่า

กลิ่นเย็นแบบกลิ่นน้ำใสไหลมาตามลำธารให้ความรู้สึกของแป้งหอมฟุ้งบางๆ กลิ่นเขียวคมอมหวานเหมือนกลิ่นผลไม้เนื้อแข็งฉ่ำน้ำ เป็นกลิ่นอมหวานชันคลอมากับกลิ่นแบบแป้งหอมในช่วงกลิ่นเปิด ในพื้นหลังให้กลิ่นของแนวดอกมะลิอวล มากับกลิ่นแนวซีตรัสหวานใสที่ไปๆ มาๆ

เป็นกลิ่นหอมที่ให้ความหวานแปลกๆ ด้วยความหวานมันมากับกลิ่นเขียวชื้นเหมือนต้นไม้มันทำให้นึกถึงกลิ่นของต้นตะบองเพชรตอนหักกิ่งมันออกมา มันให้ทั้งกลิ่นเขียว และกลิ่นน้ำออกหวานจางๆ ของต้นตะบองเพชร แต่กลิ่นโดยรวมมันให้กลิ่นที่หอมเลยละ กลิ่นนุ่มละมุนดูบอบาง หวานเบาๆ เขียวโปร่ง ให้กลิ่นเบาสบายแนวสดชื่นในวันอากาศร้อนประมาณนั้น ชอบกลิ่นช่วงหลังของมันที่ให้กลิ่นแป้งหอมแบบ Wax หน่อยๆ เหมือนกลิ่นลิปสติกอย่างที่ชอบเลย พออินกับกลิ่นแล้วก็จินตนาการต่อไปกับคำบรรยายจากแรงบันดาลใจของกลิ่นแล้วเหมือนได้ไปอยู่ใต้ต้นตะบองเพชรบนภูเขามองวิวทะเลเมติเตอร์เรเนียนดูพระอาทิตย์ตกดินซะอย่างนั้นเลย

Diptyque Ilio EDT 100ml

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

#VintageMonday #PerfumeFriday

Perfume Blog: Diptyque Tam Dao Limited Edition EDT.

วันนี้จะมาเล่าเรื่องน้ำหอม Diptyque Tam Dao อีกครั้ง แต่เป็นรุ่นพิเศษ รุ่นขวดเล็กขนาด 30ml. สำหรับพกพา บังเอิญได้มาเลยว่าจะเอามาเทียบขนาดขวดให้ดูกันเล่นๆ

คอลเลคชั่นนี้มีออกมา 5 กลิ่น เป็นกลิ่นที่ขายดีของ Diptyque เขาละ ทำมาเป็นขนาด 30ml. ทั้งหมด ตัวขวดมีการทำสีลงในขวดแก้วด้านข้าง และกล่องที่มีการพิมพ์ลายวัตถุดิบหลักของกลิ่นนั้นๆ ลงบนกล่องดูแปลกตาไม่ค่อยเห็น Diptyque ทำกล่องมีสันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละกลิ่น เปิดตัวและวางจำหน่าย มิถุนายน ปี 2019

Tam Dao กลิ่นนี้เคยเล่าเรื่องกลิ่นให้อ่านกันแล้ว [เล่าเรื่องน้ำหอม Diptyque Tam Dao EDT+EDP] อย่างที่บอกมันเป็นกลิ่นไม้ที่บางครั้งก็รู้สึกถึงแผ่นไม้แห้งๆ บางอารมณ์ก็รู้สึกถึงแผ่นไม้เปียกๆ แปลกดี แต่มันก็หอมเย็นได้กลิ่นแล้วผ่อนคลายดีใช้ได้เลยละ

ขนาดขวดรุ่นนี้เล็กมากๆ ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ พกพาสะดวกแน่อน เทียบกับขนาดต่างๆ ที่มี [ เรียงจากซ้ายไปขวา 30ml. > 50ml. > 75ml. > 100ml. ]

Diptyque Tam Dao Limited Edition EDT. 30ml.

Perfume Blog: Diptyque Do Son Perfumed Bracelet

บล็อกเล่าเรื่องน้ำหอมครั้งนี้มาแกะกล่องลองของแปลก เป็นน้ำหอมแบบใหม่จาก Diptyque ที่ออกมาไม่นานนี้มันคือ Diptyque Do Son Perfumed Bracelet [ดิปทีค โด ซอง เพอร์ฟูม เบรซเล็ต] หรือกำไลข้อมือแบบมีกลิ่นหอม เหมือนจะไม่แปลกอะไรแต่ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันแปลก และน่าลองมากๆ

ดูจากภาพโฆษณาแล้วมันแปลกตาดีไหมละ กำไลเชือกที่เหมือนเชือกผูกไปรษณีย์ที่ดึงออกมาจากกล่อง จะผูกแบบไหนก็ได้แล้วตามด้วยคลิบโลโก้ดิปทีคตบท้าย โดยกำไลข้อมือนี้ออกมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์อีกสองอย่างคือ เข็มกลัดรูปนกขาห้อยด๊อกแด๊กที่มีเม็ดเซรามิกน้ำหอมใส่ไปในตัวนก และสติ๊กเกอร์น้ำหอม ซึ่งก็ดูแลกำไลข้อมือน่าจะมีโอกาสได้ใช้งานมากกว่าเลือกเลือกมาลอง

ว่าแต่จะหาซื้อก็ยากอยู่สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแต่ลองเข้าไปถามในไลน์ของ @DiptyqueTH ว่าจะหาซื้อได้อย่างไรก็ได้คำแนะนำมาจนหาซื้อได้ในที่สุด ราคาที่วางขายในไทยก็ 2,800 บาท ก็แพงอยู่เหมือนกัน กับกำไลที่บอกว่าสามารถตัดใช้ได้ถึง 30 ครั้ง ที่ไม่รู้ว่าตัดที่ความยาวเท่าไหร่ด้วยนะ มาดูข้างในกันดีกว่า

กล่องด้านนอกเป็นสีดำ-ขาว พร้อมกับลายของกลิ่่นด้านหน้าเรียบๆ เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว เปิดมาก็ยังคงหรูเหมือนกับกล่องน้ำหอม มีคู่มือการใช้งานภาษาต่างๆ สอดขั้นอยู่ก่อนถึงตัวน้ำหอม และเปิดกระดาษกั้นขั้นสุดท้ายก็เจอกับกล่องเชือกกำไลข้อมือ และคลิบโลหะสำหรับล็อคเชือก

 

ตัวกล่องใส่เชือกนั้นเป็นรูปร่างโลโก้ Diptyque ขนาดใหญ่เหมือนตลับน้ำหอมแห้ง ทำจากพลาสติกเงาสีดำที่ดูคุณภาพดี ด้านบนมีฝาเล็กๆ สำหรับเปิดดึงเชือกกำไล ในนั้นจะมีใบมีดสำหรับตัดเชือกมาพร้อมด้วยเลย ดูเหมือนจะสะดวก ด้านล่างมีชื่อกลิ่น และรายละเอียดทั่วไป

ตัวคลิบล็อกเชือกนั้นทำจากโลหะสีทองเงาวับ มีระบุชื่อ Diptyque Paris ด้วย วัสดุเป็นโลหะมีน้ำหนัก มีความหนาพอดี ไม่บางจนดูไม่แข็งแรง ได้ทำหล่นตอนพยายามติดกับข้อมือครั้งนึงตรงขอบมีการบุบนิดหน่อยด้วยแสดงว่าเนื้อโลหะก็ไม่ได้แข็งมาก ก็ต้องระวังให้มากขึ้น

ตัวเชือกเป็นโพลีเอสเตอร์สีขาวดำ เส้นเล็ก เหนียวแข็งแรงดีเลยละ ผิวสัมผัสสากๆ เหนียวๆ เหมือนเคลือบน้ำหอมไว้ทำให้จับแล้วหนึบมือหน่อยๆ Diptyque ว่าเป็นเทคโนโลยีอะไรสักอย่างที่ทำให้น้ำหอมติดอยู่ที่วัสดุและมีอายุกลิ่นยาวนาน ในคู่มือบอกว่าให้เปลี่ยนเส้นใหม่ทุกอาทิตย์งั้นก็แสดงว่ากลิ่นสามารถอยู่ได้ทั้งอาทิตย์เลยหน่ะเหรอ

ลองดึงเชือกออกจากล่องก็มีความฝืดนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ดึงออกมายาวเกินไป กะความยาวได้ง่ายขึ้นด้วย ปิดฝากล่องเพื่อตัดเชือกก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะเชือกไม่ขาด กดแรงแค่ไหนก็ไม่ขาดจนต้องเอามีดตัดเอาเอง ลองหาวิธีพันข้อมืออยู่นานก็ได้แบบพันสองรอบมา ดูหนาขึ้นและได้กลิ่นชัดขึ้นด้วย

เรื่องกลิ่นนั้นก็เป็นกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นตามกลิ่น Do Son นั่นแหละแต่กลิ่นจะไม่ใส ไม่หอมฉ่ำๆ แบบตัวนำหอม กลิ่นไม่แรงมาก แต่แรงพอที่จะสามารถรู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร และรู้สึกถึงกลิ่นที่ลอยมาตามลมได้ตลอดเวลาที่ใส คิดว่ากำไลข้อมือนี้ไม่น่าจะใช้เป็นน้ำหอมได้จริงจัง เป็นเหมือนกลิ่นติดตัวเวลาเราขยับตัว และเป็นเหมือนตัวเสริมกลิ่นน้ำหอมที่ใช้มากกว่า แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่ามันจะหอมฟุ้งเหมือนน้ำหอมอยู่แล้ว แค่อยากลองเฉยๆ และอยากเอามาพันข้อมือใช้งานสวยๆ มากกว่าถึงจะไม่มีกลิ่นก็คงจะหาซื้อมาใช้อยู่ดีนั่นแหละ เพราะด้วยความชอบ Diptyque เป็นการส่วนตัว เลยอยากหาอะไรที่ชวนให้นึกถึงตลอดเวลามาติดตัว ส่วนกลิ่นจะติดอยู่นานแค่ไหน อยู่ได้เป็นอาทิตย์อย่างที่บอกไหมเดี๋ยวจะกลับมาอัพเดทแจ้งไว้ด้านล่างในอนาคตละกัน

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

Diptyque Do Son EDT

Diptyque Do Son เปิดตัวในปี 2005 เป็นน้ำหอมแนวกลิ่นดอกไม้ ที่มีชื่อเสียงมากของดิปทีคอีกกลิ่นหนึ่ง ซึ่งกลิ่นเด่นของ Do Son คือ ดอกซ่อนกลิ่น ทีให้กลิ่นเหมือนอยู่ในตลาดดอกไม้ประเทศเวียดนาม ดิปทีคบรรยายกลิ่นไว้ว่า “เป็นกลิ่นแห่งความทรงจำในวัยเด็กของ Yves Coueslant หนึ่งในผู้ก่อตั้งดิปทีค เป็นช่วงเวลาที่ทะเลพัดเอากลิ่นหอมของดอกซ่อนกลิ่น เมื่อตอนที่เขาอยู่ชายหาย Do Son อ่าวหะล็อง ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นความทรงจำของกลิ่นหอมอันรื่นรมย์ของดอกไม้ขาวในช่วงเวลาวัยเด็กของเขา” นอกจากดอกซ่อนกลิ่นแล้วยังมี ดอกส้ม ดอกมะลิ อยู่ในกลิ่นด้วย

กลิ่นเปิดนั้นมันคือกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นชัดเจน เหมือนช่อดอกซ่อนกลิ่นสดๆ มาวางตรงข้างหน้าเลย เป็นกลิ่นหอมดอกซ่อนกลิ่นที่ฉ่ำ หวาน นุ่ม และสดชื่นไปในเวลาเดียวกัน โดยกลิ่นมันใสและกลม กลิ่นยังให้อารมณ์ความหอมของดอกมะลิ ที่หอมคม ใส ด้วย รึจะว่ากลิ่นมันคล้ายดอกมะลิก็ได้ มะลิที่ติดหวานมากหน่อย ไม่มีอะไรต้องบอกมากเพราะมันชัดเจนสุดแล้วว่าคือดอกซ่อนกลิ่น ไม่ต้องบรรยายให้มากความ แต่ถ้าใครไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแนวดอกไม้สด หรือดอกมะลิ คงคิดว่ากลิ่นมันโบราณ เหมาะกับคนมีอายุ และน่าจะไม่ชอบกลิ่นนี้ เพราะกลิ่นมันค่อนข้างโจ่งแจ้งกับเนื้อกลิ่นที่ระเบิดมาเต็มๆ หน้าคนผ่านไปผ่านมา จะว่ายังไงดี เป็นน้ำหอมกลิ่นแรง น่าจะใช้คำนี้ก็ได้

  • กลิ่นหอมไหม? หอม บอกได้คำเดียว หอม เป็นกลิ่นแบบดอกไม้จริงชัดมาก สดชื่นเหมือนอยู่ในสวนดอกซ่อนกลิ่น
  • กลิ่นกระจายตัวดีไหม? ดีมาก 9 เต็ม 10 คะแนน กลิ่นฟุ้งกระจายดีเพราะกลิ่นค่อนข้างแรงทีเดียว กลิ่นไม่หนักนะกลินแรงแบบสดใสเลยละ
  • กลิ่นติดทนไหม? ทนพอสมควร สำหรับน้ำหอมกลิ่นสดใสแบบนี้ ติดผิวได้นานถึง 5-6 ชั่วโมง และติดที่เสื้อได้เกือบทั้งวัน
  • กลิ่นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราไหม? เหมาะ และต้องฉีดปริมาณที่เหมาะสมด้วยเพราะกลิ่นค่อนข้างแรง ถึงจะกลิ่นไม่หนักแต่กลิ่นดอกซ่อนกลิ่นมันก็คมใช้ได้เลย

เป็นกลิ่นที่ใครชอบก็ชอบมาก ไม่ชอบก็จะไม่ชอบเลย ไปลองลุ้นกันเอาเองว่าตัวเองชอบกลิ่นแนวดอกไม้เสมือนจริง และกลิ่นแรงแบบนี้ไหม ส่วนตัวชอบมาก กลิ่นพาฝันจนนึกไปถึงว่าตัวเองนั่งอยู่ที่สวนดอกไม้ตอนเย็นๆ พระอาทิตย์กำลังตก ท้องฟ้าสีส้มฉ่ำ พร้อมกับลมเย็นๆ พัดเอากลิ่นดอกซ่อนกลิ่น และมะลิลอยมารอบๆ ตัว ฝันดีเลยละ

เล่าเพิ่มเรื่องขวดนี้ได้มาเป็นขวดรุ่นเก่าก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นขวดทรงรีที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ไปเจอลงขายในเว็บขายของเว็บนึงโพสนี้อยู่นานแล้วเราก็สงสัยแหละว่าทำไมขวดถึงเป็นขวดสี่เหลี่ยม จนไปค้นดูน้ำหอมรุ่นเก่าๆ ก็ไปเจอว่ามันเป็นขวดก่อนที่จะเปลี่ยนแปลง ถือว่าโชคดีก็ได้นะเนี่ยน้ำหอมยังคงกลิ่นดีมาก แถมเหลือเยอะด้วย (ช่วงเวลาการเปลี่ยนเป็นขวดแบบใหม่ประมาณเดือนมีนาคม ปี 2012)

Diptyque Do Son EDT 100ml.

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

Diptyque Geranium Odorata EDT

Diptyque Geranium Odorata เป็นน้ำหอมในกลุ่มกลิ่นดอกไม้ ที่ให้กลิ่นดอกเจอร์เรเนียมที่หอมสดชื่นเป็นหลัก โดยมี มะกรูด ถั่วตองก้า กระวาน และหญ้าแฝก อยู่ในกลิ่นด้วย ก็อีกนั้นแหละยังไม่เคยเจอดอกเจอร์เรเนียมของจริงสักที รู้แค่ว่ากลิ่นหอมมันอยู่ที่ใบ ไม่ได้อยู่ที่ดอก จริงไหมนะ?

กลิ่นเปิดมาเป็นกลิ่นหอมใสแบบมะกรูดโดดเด่นมาก กลิ่นคมๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น ในกลิ่นเปิดนั้นมีกลิ่นหวานจางๆ นวลๆ แบบดอกไม้กลีบบาง มีความเย็นซ่าปนในกลิ่น ให้ความรู้สึกแบบกลิ่นสมุนไพร เป็นน้ำหอมกลิ่นโปร่ง หอมใสๆ ที่เมื่อกลิ่นแห้งสักพักจากกลิ่นโปร่งหอมใส จะกลายเป็นกลิ่นหอมฉ่ำของดอกไม้ ติดนวล และมีความหวานเลี่ยนๆแบบหญ้าแฝกหน่อยๆ จะว่าไปกลิ่นตอนแห้งแล้วบนผิวกลิ่นให้อารมณ์คล้ายกับน้ำมันตะไคร้หอมตามสปาเลย

  • กลิ่นหอมไหม? หอม เปิดมาก็สดชื่น กลิ่นสดใส กลิ่นฉ่ำ โปร่งสบายชื่นใจ
  • กลิ่นกระจายตัวดีไหม? กลิ่นกระจายตัวดี ด้วยความโปร่ง และใสของกลิ่น หลังจากชั่วโมงแรกกลิ่นเริ่มลดพลังลงจนเป็นกลิ่นติดผิว
  • กลิ่นติดทนไหม? ส่วนตัวว่ากลิ่นติดไม่ทนเท่าไหร่ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่คนอื่นอาจจะติดทนกว่าก็ได้อันนี้แล้วแต่คน แต่กลิ่นที่ฉีดบนเสื้ออยู่นานกว่ามากฉีดเช้า ตกเย็นยังดมเสื้อยังมีกลิ่นอ่อนๆ อยู่
  • กลิ่นเหมาะสภาพอากาศบ้านเราไหม? เหมาะแน่นอน กลิ่นใส สดชื่น หอมโปร่งสบาย ใช้ได้ดีเลยละ

เป็นน้ำหอมดิปทีคอีกกลิ่นที่มีความโดดเด่นเรื่องกลิ่นที่สดใส ให้ความรู้สึกโปร่งสบายอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นกลิ่นค่อนไปทางเครื่องเทศ/สนุมไพรซ่าๆ ด้วยซ้ำ เป็นกลิ่นที่ใช้งานง่าย ใช้กับสภาพอากาศร้อนได้ดีด้วย

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

Diptyque Florabellio EDT

Diptyque Florabellio เปิดตัวปี 2015 เป็นน้ำหอมกลิ่นแนวดอกไม้สดชื่น บรรยายไว้ว่า เป็นกลิ่นในความทรงจำบนชายหาดทะเลกว้างใหญ่ ต้นแอบเปิ้ลออกดอกเบ่งบาน ใกล้ๆ กับโรงคั่วกาแฟ เป็นการวมกันของความสดชื่นจากกลิ่นน้ำทะเล ดอกแอ๊ปเปิ้ล และความหวานปนขมของเมล็ดกาแฟ รวมกันจนเป็นกลิ่นอันหอมหวานของความฝัน และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

เป็นกลิ่นเปิดที่แปลกมาก กลิ่นออกแนวเหม็นปนหอมสดชื่น กลิ่นให้ความรู้สึกของกลิ่นดอกไม้สีขาวเล็กๆ ที่กลิ่นหอมรุนแรงแบบดอกแก้วเพียงแต่กลิ่นไม่แหลมเท่า เป็นกลิ่นหอมเย็นที่ให้ความรู้สึกเคลิ้ม มีกลิ่นเค็ม ตุ๋นๆ เหมือนกลิ่นทะเลอบอวลอยู่ในกลิ่นด้วย เป็นน้ำหอมกลิ่นโปร่ง แต่ไม่ใส กลิ่นค่อนข้างแรง แต่ไม่ฉุน ออกแนวกลิ่นสังเคราะห์หน่อยๆ แบบกลิ่นพลาสติก บางทีก็รู้สึกเหมือกลิ่นยาง

เป็นกลิ่นหอมที่พะอืดอะอมแบบบอกไม่ถูก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักกลับรู้สึกอยากดมมันอีก หลังจากนี้และความหอมจะเริ่มเกิดขึ้นในหัวจนแทบจะหยุดดมไม่ได้ พระความหอมและความเหม็นของกลิ่นนั่นเอง ไม่แปลกใจถ้าคนส่วนใหญ่จะได้กลิ่นนี้แล้วไม่ชอบ และว่ามันเป็นกลิ่นที่เหม็น ดังนั้นต้องให้เวลาทำความรู้สึกกันสักหน่อย

  • กลิ่นหอมไหม? ต้องทำใจก่อนสักพัก ถึงจะบอกได้ว่ามันหอมหรือไม่หอม ส่วนตัวคุ้นชินแล้วก็จะบอกว่ามันหอม หอมรัญจวนใจดีเหลือเกิน
  • กลิ่นกระจายตัวดีไหม? กลิ่นกระจายตัวดีใช้ได้ ดูกลิ่นออกแนวดอกไม้ แต่ความแรงของกลับก็มากพอตัวอยู่
  • กลิ่นติดทนไหม? กลิ่นติดทนปกติที่ 4-5 ชั่วโมง แล้วกลิ่นค่อยๆ ลดความแรงลงเป็นแค่กลิ่นติดผิวอ่อนๆ
  • กลิ่นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราไหม? เหมาะถ้าใช้ในปริมาณที่พอดี ด้วยแนวของกลิ่นดอกไม้กลิ่นแรง และแปลก อาจจะทำให้กลายเป็นกลิ่นเหม็นได้หากฉีดมากเกินไป

รวมแล้ว Florabellio เป็นน้ำหอมกลิ่นน้ำทะเล เค็ม แต่สดชื่น พร้อมด้วยกลิ่นดอกไม้หอมแปลกที่สามารถทำให้รักและเกลียดได้ไปในเวลาเดียวกัน และความแปลกที่สามารถรู้สึกถึงกลิ่นแตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่ใช้ ที่บางครั้งก็หอมดอกไม้ บางครั้งก็หอมพลาสติก บางครั้งก็นี่กลิ่นเกลือนี่นา ดังนั้นควรหาแซมเปิ้ลมาลองใช้ดีที่สุด หากไม่อยากลุ้นว่าชอบหรือไม่

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

Diptyque Eau Rose EDT

ยังคงอยู่ที่กลิ่นกุหลาบจากดิปทีค กลิ่นต่อมาคือ Diptyque Eau Rose เป็นน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ แนวธรรมชาติที่เปิดตัวเมื่อปี 2012 มีกลิ่นเด่นหลักๆ คือ กุหลาบมอญ กุหลาบโพรวองซ์ และลิ้นจี่

กลิ่นเปิดมาแบบกลิ่นหอมเบาๆ ของกุหลาบ หวาน มีเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นดูบอบบางน่าถนุถนอม หอมหวานใสนุ่มๆ กุหลาบในกลิ่นนี้ให้ความรู้สึกของกุหลาบสดสีชมพูที่ให้กลิ่นนุ่ม บางเบา กลิ่นไม่หวานฉ่ำ หรือเปรี้ยวคมๆ แบบกุหลาบแดง แค่มีกลิ่นอมเปรี้ยวเล็กๆ เหมือนกลิ่นของผลไม้อะไรสักอย่างแซมทำให้กลิ่นกุหลาบดูเต็มขึ้น น่าจะเป็นกลิ่นลิ้นจี่ละมั้ง ซึ่งกลิ่นมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก นึกไปนึกมาก็นึกได้ว่ามันเหมือนกับกลิ่น Paul Smith Rose ของ Paul Smith ที่ให้กลิ่นกุหลาบเบาๆ แนวเดียวกัน และมีกลิ่นหอมเย็นๆ แบบใบชา คล้ายกันด้วย แต่ของดิปทีคในโน๊ตไม่มีใบชาในกลิ่นนี้แปลกดี

  • กลิ่นหอมไหม? หอม สำหรับคนชอบกลิ่นกุหลาบแล้วมันหอมนุ่ม รู้สึกผ่อนคลาย แต่มันไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ความซับซ้อนของกลิ่นก็ไม่มี ได้แค่กลิ่นกุหลาบบางๆ ตลอดอายุของกลิ่น
  • กลิ่นกระจายตัวดีไหม? กลิ่นกระจายตัวดีใช้ได้ กลิ่นมันฟุ้งให้คนรอบข้างได้กลิ่นดีมาก ไม่ต้องเข้ามาใกล้ก็ได้กลิ่นแต่แค่ชั่วงชั่วโมงแรกนะ หลังจากนั้นกลิ่นก็จะลดลงไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
  • กลิ่นติดทนไหม? กลิ่นติดไม่ทนอย่างที่คิด เพราะกลิ่นมันเบา ใส รู้สึกจะแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงแรกที่รู้สึกถึงกลิ่นลอยมา หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยจะได้กลิ่นแล้ว
  • กลิ่นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราไหม? เหมาะ ใช้ได้ดีในสภาพอากาศร้อน กลิ่นเบา บาง กลิ่นใส หอมนุ่มละมุน

ก็เป็นน้ำหอมกลิ่นกุหลาบนั่นแหละ กลิ่นธรรมดาๆ เลยไม่มีอะไรแปลกสักนิด และเหมือนกับ Paul Smith Rose มากกว่า 80% ด้วย แต่ความต่างของมันก็คือราคา ที่ดิปทีคแพงกว่ามาก หากชอบกลิ่นนี้และมีงบจำกัดก็หยิบ Paul Smith ได้เลยขวด 100ml. สามารถหาได้แค่พันต้นๆ เท่านั้น

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]

Diptyque Eau Capitale EDP

ขอเล่าความเป็นมาก่อนสักหน่อยว่ากลิ่นนี้มันหาซื้อยากมากๆ ไม่มีเว็บ เพจ หรือร้านไหนหิ้วมาขายเลย ต้องไปซื้อที่ Shop ในกรุงเทพฯ เท่านั้น ถามร้านประจำไปก็บอกว่าสั่งมาแล้วแต่ของยังไม่มา ดันมาติดหยุดโควิด19 อีก เลยเลิกตามหาไปสักพักแล้ว บังเอิญมาเจอโพสลงขายอยู่เมื่อเดือนก่อนตามที่เล่าในบล็อกไป เลยได้โอกาสเก็บมาอีกขวด กว่าจะได้มารอนานจนเลิกรอแล้วถึงจะได้ และเหมือนว่าดิปทีคจะออกรุ่นพิเศษที่ร่วมกับใครสักคนที่ญี่ปุ่นออกมาแล้วนะ ไม่รู้ใช่รุ่นของปี 2020 รึเปล่าต้องรอดูกันต่อไป

Diptyque Eau Capitale เป็นกลิ่นน้ำหอมที่เปิดตัวมาเมื่อปี 2019 ในปีนี้ออกเป็นคอลเล็คชั่นน้ำหอม Eau Capitale และเทียนหอม Paris en Fleur ที่ให้กลิ่นหอมของ กุหลาบ มะกรูด พัชชูลี และ พริกไทยสีชมพู ที่ใช้เป็นกลิ่นของ Paris เมืองหลวงของน้ำหอม สื่ออกมาบนขวดผ่านลายเส้นของตึก อาคาร สถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตนูไวที่เป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศส

กลิ่นเปิดรู้สึกหอมเย็นเหมือนกลิ่นแป้ง แต่ก็ได้กลิ่นกุหลาบ ให้ความรู้สึกแห้งๆ เหมือนกลิ่นกุหลาบแห้งออกแนวฝุ่นแบบกลิ่นแป้ง ที่มีกลิ่นทึมๆ นวลๆ ของเครื่องเทศ น่าจะเป็นพัชชูลี ถ้าดูจากโน้ต ตามด้วยความซ่าของกลิ่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นพริกไทยสีชมพูละก็ คิดไปแล้วว่ากลิ่นมันซ่าเหมือนกานพลู เมื่อกลิ่นมารวมกันทำให้รู้สึกกลิ่นเหมือนดอกไม้แห้ง บุหงากลิ่นกุหลาบ รึจะเจาะจงหน่อยเหมือนกลิ่นแป้งหอมสมัยก่อน แป้งเภสัช ประมาณนั้น เป็นกลิ่นที่หอมเย็น อมหวานนิดๆ ไม่ติดเขียวแบบที่บรรยายในเว็บเลย กลิ่นให้อารมณ์หรูหรา มีสไตล์ ที่แสดงถึงความเป็นผู้ดีเก่าแบบคนฝรั่งเศส ตามธีมของรูปบนขวดที่เป็นการเฉลิมฉลองเมืองหลวงแห่งน้ำหอม

  • กลิ่นหอมไหม? หอม กลิ่นหอมแบบนุ่ม คลาสสิค แบบน้ำหอมวินเทจได้เลย กลิ่นไม่แรงไม่แน่น
  • กลิ่นกระจายตัวดีไหม? กลิ่นกระจายตัวค่อนข้างดี ไม่ถึงกับดีมากถือว่าเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างปลอดภัยถ้าบังเอิญมือหนักฉีดเยอะไป ลักษณะกลิ่นจะเป็นกลิ่นลอยรอบๆ ตัวในระยะแขนเรา
  • กลิ่นติดทนไหม? ติดทนใช้ได้เลย ฉีดเช้า บ่ายๆ ยังได้กลิ่นลอยมาอยู่
  • กลิ่นเหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราไหม? สามารถใช้ในอากาศร้อนได้ กลิ่นค่อนข้างโปร่ง ไม่แน่นเท่าไหร่ แถมเป็นกลิ่นแนวแป้งหอมด้วย น่าจะโอเค ถึงกลิ่นมันจะให้อารมณ์เมืองนอกอากาศเย็นๆ ก็เถอะ

ก็อยากบอกว่ากลิ่นนี้ก็หอมดี แต่ไม่ได้พิเศษ หรือโดดเด่นเท่าไหร่ ค่อนข้างเป็นน้ำหอมกลิ่นทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ กลิ่นกุหลาบ พัชชูลี ที่ทึมๆ ไม่น่าสนใจเท่ากับกุหลาบฉ่ำๆ หรือพัชชูลีดาร์กๆ แบบของยี่ห้ออื่นเลย แต่ก็ชอบลายบนขวดของรุ่นนี้นะ ลายกุหลาบสีชมพูบนกล่องที่ได้เห็นกล่องมีสีสันเป็นครั้งแรกก็สวยมากด้วย ชอบมาก ให้อารมณ์น้ำหอมฝรั่งเศสสุดๆ อย่างว่าแพ็คเกจดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แค่กล่อง หรือขวดสวยก็พอแล้ว

Diptyque Eau Capitale EDP 75ml.

[[ บทความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนบุคคลที่ได้ลองใช้สินค้า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่นำมาเล่าเพื่อความบันเทิง ไม่ได้มีจุดประสงค์ชี้นำ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นต่อตัวสินค้าที่ใช้งานเท่านั้น ความคิดเห็นหรือประสบการณ์การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โปรดทำความเข้าใจ และพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการอ่านด้วยตัวบุคคลเอง ]]